วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ชนิดคำสั่ง DOS

ชนิดคำสั่ง DOS
คำสั่งของ DOS มีอยู่ 2 ชนิดคือ
1. คำสั่งภายใน (Internal Command)
เป็นคำสั่งที่เรียกใช้ได้ทันทีตลอดเวลาที่เครื่องเปิดใช้งานอยู่ เพราะคำสั่งประเภทนี้ถูกบรรจุลงในหน่วยความจำหลัก (ROM) ตลอดเวลา หลังจากที่ Boot DOS ส่วนมากจะเป็นคำสั่งที่ใช้อยู่เสมอ เช่น CLS, DIR, COPY, REN เป็นต้น
2. คำสั่งภายนอก (External Command)
คำสั่งนี้จะถูกเก็บไว้ในดิสก์หรือแผ่น DOS คำสั่งเหล่านี้จะไม่ถูกเก็บไว้ในหน่วยความจำ เมื่อต้องการใช้คำสั่งเหล่านี้คอมพิวเตอร์จะเรียกคำสั่งเข้าสู๋หน่วยความจำ ถ้าแผ่นดิสก์หรือฮาร์ดดิสก์ไม่มีคำสั่งที่ต้องการใช้อยู่ก็ไม่สามารถเรียกคำสั่งนั้น ๆ ได้ ตัวอย่างเช่น คำสั่ง FORMAT, DISKCOPY, TREE, DELTREE เป็นต้น

รูปแบบและการใช้คำสั่งต่าง ๆ
ในการใช้คำสั่งต่าง ๆ ของ DOS จะมีการกำหนดอักษรหรือสัญลักษณ์ ใช้แทนข้อความของรูปแบบคำสั่ง ดังนี้
[d:] หมายถึง Drive เช่น A:, B:
[path] หมายถึง ชื่อไดเรคเตอรี่ย่อย
[filename] หมายถึง ชื่อแฟ้มข้อมูล หรือ ชื่อไฟล์
[.ext] หมายถึง ส่วนขยาย หรือนามสกุล
หมายเหตุ ข้อความที่อยู่ในวงเล็บ ([ ] ) ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องใส่ในคำสั่ง


1. Drive [d :] ที่เราใช้งาน ได้แก่ A: B: C: หรือ D:
2. ชื่อไดเรคตอรี่ย่อย [path]
3. ชื่อไฟล์ [filename] ต้องเป็นภาษาอังกฤษหรือเลขอารบิค มีไม่เกิน 8 ตัวอักษร ห้ามเว้นวรรค ห้ามใช้เครื่องหมายอื่นใด ( ปัจจุบันเครื่องที่เป็น Windows95/98 สามารถตั้งชื่อไฟล์ได้ 255 ตัวอักษร และสามารถตั้งเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษก็ได้ )

4. ส่วนขยายหรือนามสกุล [.ext] ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น


รูปแบบและการใช้คำสั่งภายใน (Internal Command)
1. คำสั่งลบข้อมูลบนจอภาพ ขณะนั้น
CLS (CLEAR SCREEN) รูปแบบ : CLS
2. คำสั่ง แก้ไข วัน เดือน ปี
DATE รูปแบบ : DATE
o เมื่อขึ้น C: ให้พิมพ์ DATE กด Enter
o พบข้อความว่า Current date is jan 03-19-2001
o ป้อนให้ถูกต้องตรงตามวันที่ปัจจุบัน
3. คำสั่งแก้ไขเวลา
TIME รูปแบบ : TIME
o กรณีเดียวกันกับ วัน เดือน ปี
o พบข้อความว่า Current time is 11:10:20
o ป้อนให้ถูกต้องตรงตามเวลาปัจจุบัน
4. คำสั่ง ดูรุ่น หมายเลข ( Version ) ของดอส

VER (VERSION) รูปแบบ : Ver
5. การเปลี่ยน Drive
- จาก A:\ เป็น C:\ ให้พิมพ์ C: กด Enter
- จะขึ้น C:\
6. คำสั่ง ดูชื่อแฟ้มข้อมูล, เนื้อที่บนแผ่นดิสก์, ชื่อแผ่นดิกส์
DIR (DIRECTORY) รูปแบบ : DIR [d:] [path] [filename [.ext]] [/p] [/w]
/p หมายถึง แสดงชื่อแฟ้มข้อมูลทีละ1หน้าจอภาพถ้าต้องการดูหน้าต่อไปให้กดแป้นใด ๆ
/w หมายถึง แสดงชื่อแฟ้มข้อมูลตามความกว้างของจอภาพ
7. คำสั่ง COPY
ใช้คัดลอกแฟ้มข้อมูลหนึ่ง หรือหลายแฟ้มข้อมูลจากแฟ้มข้อมูลต้นทาง ไปยังแฟ้มข้อมูลปลายทางอาจจะเป็นจากแผ่นดิสก์แผ่นหนึ่งหรือแผ่นดิสก์เดิมก็ได้ เช่น
A:> COPY DATA.DAT C: BAT.DAT
หมายถึง การสั่งให้นำสำเนาแฟ้มต้นฉบับจาก ดิสเกต Drive A: ที่มีชื่อแฟ้มว่า DATA.DAT มาทำสำเนาให้ปรากฏใน Drive B: ที่มีชื่อแฟ้มว่า BAT.DAT
8. การใช้เครื่องหมาย ? และ * ในชื่อไฟล์
? ใช้แทนตัวอักษรอะไรก็ได้ 1 ตัวอักษร ในตำแหน่งที่อยู่ใน
W?? M หมายถึง ชื่อไฟล์ที่มี W ขึ้นหน้า ตามด้วยตัวอักษรอะไรก็ได้ 2 ตัว และตามด้วย M
เครื่องหมาย * ใช้แทนตัวอักษรอะไรก็ได้ ยาวเท่าใดก็ได้ เช่น *.* ชื่อไฟล์อะไรก็ได้ นามสกุลอะไรก็ได้ เช่น
DIR S* หมายถึง แสดงชื่อไฟล์ที่ขึ้นต้นด้วยตัวอักษร S หรือ
DIR ?O* หมายถึง แสดงชื่อไฟล์ ที่ขึ้นต้นด้วยตัวอักษรอะไรก็ได้ตามด้วย O แล้วต่อท้ายด้วยอักษรอะไรก็ได้
A:\ COPY*.* B: หมายถึง ให้ทำสำเนาแฟ้มไปสู่ Drive B:
A:\COPY C*.* B: หมายถึง ให้ทำสำเนาจากแฟ้มต้นฉบับ ใน Drive A: โดยเลือกเฉพาะแฟ้มที่มีชื่อขึ้นต้นว่า C ทุกไฟล์ เช่น CAT.DAT, CAR.DOC เป็นต้น
9. คำสั่ง DEL หรือ Erase
คือ การลบแฟ้มข้อมูล รูปแบบ: DEL
ตัวอย่าง เช่น
C:\DEL A:\DATA.DOC กด Enter หมายความว่า ต้องการลบไฟล์ที่มีชื่อว่า DATA จากDrive A: มีผลทำให้ไฟล์ดังกล่าวหายไปจากแผ่นดิสก์
10. คำสั่ง RENAME
คือ การเปลี่ยนชื่อไฟล์ รูปแบบ: REN [d:] [path] [oldfilename[.ext]] [newfilename[.ext]] ตัวอย่างเช่น
REN A: DATA MEETING.DOC SILVER.DOC
หมายถึง เปลี่ยนชื่อจาก Drive A: แฟ้ม DATA ชื่อไฟล์ MEETING.DOC เป็น SILVER.DOC แทน
การจัดการ Directory เป็นการจัดการไฟล์ข้อมูล แนวคิดต้นไม้ มีดังนี้
- คำสั่ง MD ( MKDIR) คือการสร้างกิ่งต้นไม้ ตัวอย่างเช่น
A:\MD Sheet คือ การสร้าง Directory ชื่อ Sheet ไว้ที่ Drive A เมื่อใช้คำสั่ง DIR ดูจะเห็น Directory ดังกล่าว
- คำสั่ง CD (CHDIR) คือ การเปลี่ยนตำแหน่งของกิ่งต้นไม้ หรือ Directory ที่เราต้องการเข้าไป เช่น
A:\CD INFORMATION คือ การเข้าไปใน Directory ที่มีชื่อว่า INFORMATION
- คำสั่ง RD (RMDIR) คือ การลบกิ่งต้นไม้ หรือ ไฟล์ข้อมูล ตัวอย่างเช่น
A:\RD DATA คือ การลบ Directory ที่เราได้สร้างไว้ ใน Drive A: หากมี Directory ดังกล่าวจะขึ้นข้อความว่า
Invalid path,not directory,
Or directory not empty
ตัวอย่างการลบ Directory
1. หากเราจะลบ Directory นั้นก็จะต้องลบไฟล์ข้อมูลในนั้นก่อน โดยใช้คำสั่ง DIR เพื่อดูว่ามีไฟล์อะไรบ้าง เช่น
A:\CD DATA กด ENTER
A:\DATA>DIR กด ENTER ซึ่งจะแสดงข้อมูลทั้งหมดใน Directory ที่ชื่อ DATA ออกมา เช่น เรามีแฟ้มข้อมูลใน Directory ชื่อ DATA 2 แฟ้ม คือ
TEST.DOC
ALL FILES.HTM
2. สามารถใช้คำสั่งลบ แฟ้มได้ดังนี้
A:\>DATA>DEL*.* กด ENTER ซึ่งจะได้ข้อความดังนี้
All files in directory will be deleted!
Are you sure (Y/N)?
3. ตอบ N คือ ไม่ต้องการลบไฟล์
ตอบ Y คือ ต้องการลบไฟล์ทั้งหมดใน Directory นี้ ในที่นี้เราต้องการลบ ตอบ Y กด ENTERเมื่อ ใช้คำสั่ง DIR จะไม่พบแฟ้มข้อมูลทั้งสองแล้ว
4. จากนั้นใช้คำสั่ง CD\ ซึ่งเป็นคำสั่งเปลี่ยน Directory ออกมาที่ Root Directory
A:\>DATA>CD\
A:\>
5. แล้วจึงสามารถลบ Directory DATA ได้ โดยใช้คำสั่ง RD
A:\>RD DATA
ผลคือ Directory DATA ถูกลบออกไปจากแผ่นดิสก์ เมื่อใช้คำสั่ง DIR จะไม่สามารถมองเห็น
6. คำสั่ง เข้าสู่ Root Directory ใช้คำสั่ง CD\ เช่น
C:\Windows\temp>CD\ กด ENTER ผลคือ
C:\
7. คำสั่งออกจาก Directory ย่อย ใช้คำสั่ง CD.. เช่น
C:\Windows\temp>CD.. กด ENTER ผลคือ
C:\Windows> ถ้าพิมพ์ CD.. อีกครั้ง
C:\Windows>CD.. กด ENTER ผลคือ
C:\>

คำสั่งภายนอก(EXTERNAL COMMAND)
คำสั่งภายนอกมี 2 นามสกุล
1.นามสกุลเป็น .COM เป็น file ที่บรรจุข้อมูลที่ถูกแปลงเป็นภาษาเครื่องแล้ว
2.นามสกุลเป็น .EXE เป็น file ที่บรรจุข้อมูลที่เขียนโดยใช้ภาษาระดับสูงและแปลงเป็นภาษาเครื่องแล้ว
คำสั่งภายนอก เป็นคำสั่งที่ไม่อยู่ในเครื่อง เวลาใช้ต้องเรียกจากแผ่น DOS ตัวอย่างคำสั่ง
1. คำสั่ง Format
Format คือ การเตรียมแผ่นดิสก์ที่ซื้อมาใหม่ก่อนการใช้งาน เพื่อให้สามารถเก็บข้อมูลหรือเก็บโปรแกรมได้ โดยจะมีโปรแกรมที่ชื่อว่า Format.com ซึ่งจะใช้ในการสร้าง Track และ Sector บนแผ่นดิสก์ เพื่อที่จะได้นำแฟ้มมาบันทึกบนแผ่นดิสก์ได้
การ Format แผ่นใหม่ มีดังนี้
1. ใส่แผ่นดิสก์ไปใน Drive ให้ดูว่าแผ่นขนาดใด ชนิดใด
2. ให้พิมพ์สูตรตามชนิดของแผ่น แล้ว กด Enter
1. C:\Format A:\ สำหรับแผ่น 3.5 นิ้ว ชนิด HD
2. C:\>Format A:/S สำหรับแผ่น 3.5 ชนิด HD ให้เป็น DOS โดยการคัดลอกไฟล์ระบบเข้าไปยังแผ่น A ทำให้แผ่นดิสก์ สามารถ Boot ได้นั่นเอง
2. คำสั่ง DISKCOPY
คือ คำสั่งที่ใช้ในการทำสำเนาแฟ้มทั้งแผ่นไปสู่ดิสเกตอีกแผ่นที่ต้องการ โดยต้องเป็นแผ่นดิสก์ ชนิดเดียวกัน ขนาดเดียวกัน ทำได้ดังนี้
1. ถ้าเครื่องไม่มีฮาร์ดดิสก์ ให้ใส่แผ่น DOS ที่มีไฟล์ DISKCOPY.COM ใน Drive A:
2. ให้พิมพ์คำสั่ง C:\DISKCOPY A: กด Enter เครื่องจะบอกให้ใส่แผ่นต้นฉบับ
3. ใส่แผ่นต้นฉบับใน Drive A: กด Enter รอสักครู่เครื่องจะบอกให้เรานำแผ่นต้นฉบับออก
4. ให้ใส่แผ่นสำเนาลงไป กด Enter
5. เครื่องจะถามการตั้งชื่อให้ กด Enter
6. เครื่องจะถามว่าจะ DISKCOPY ต่อไปหรือไม่
7. ตอบ Y คือ ตกลง ตอบ N คือ ไม่ตกลง



คำสั่ง dos [ เครดิต คุณ ตี๋ จากบอร์ด GoOn.com]
1. DIR
เป็นคำสั่งในการเรียกดูชื่อและรายละเอียดแฟ้มข้อมูล (file) ในแผ่น
รูปแบบ
d: ระบุไดร์ฟของแผ่น
filename ชื่อแฟ้มข้อมูลที่ต้องการค้นหา
.ext ส่วนขยายของชื่อแฟ้มข้อมูลที่ต้องการค้นหา
/P แสดงทีละหน้า
/W แสดงในแนวนอน
ตัวอย่างคำสั่ง DIR
C:>DIR
C:>DIR WINDOWS
C:>DIR WINDOWS /P
C:>DIR WINDOWS /W
C:>DIR D:
C:>DIR WINDOWS*.EXE
C:>DIR t*.???
คำสั่ง DOS (ต่อ)
2. PROMPT
เป็นคำสั่งในการเปลี่ยนเครื่องหมายเตรียมพร้อม (DOS Prompt)
รูปแบบ
โดยใช้เครื่องหมาย $ นำหน้าอักษรต่อไปนี้
ตัวอย่างคำสั่ง PROMPT


C:>PROMPT $n (แสดงไดร์ฟ)
C:>PROMPT $g (แสดงเครื่องหมาย >)
C:>PROMPT $d$q (แสดงวันที่และตามด้วยเครื่องหมาย = )
C:>PROMPT $p$g (แสดงชื่อpathและตามด้วยเครื่องหมาย > )
โครงสร้างต้นไม้ (tree structure)
คำสั่ง DOS (ต่อ)
3. MD หรือ MKDIR
เป็นคำสั่งในการสร้างไดเรคทอรี เป็นคำย่อมาจาก MaKe DIRectory
รูปแบบ
ตัวอย่างเช่น
D:>MD SUB1
D:>MD SUB2
D:>MD SUB1SUB11
คำสั่ง DOS (ต่อ)
4. CD
เป็นคำสั่งในการย้ายการทำงานเข้าสู่ไดเรคทอรี เป็นคำย่อมาจาก Change Directory
รูปแบบ
ตัวอย่างเช่น
D:>CD SUB1
D: SUB1>CD SUB11
คำสั่ง DOS (ต่อ)
CD.. เป็นย้ายออกจากไดเรคทอรีปัจจุบัน 1 ขั้น
คำสั่ง DOS (ต่อ)
D:>CD SUB1SUB11
CD ย้ายกลับมาที่ root directory
คำสั่ง DOS (ต่อ)
5. RD
เป็นคำสั่งในการลบไดเรคทอรี ย่อมาจาก ReMove DIRectory
รูปแบบ

ตัวอย่างเช่น
D:>RD SUB2
คำสั่ง DOS (ต่อ)
6. TREE
เป็นคำสั่งในการขอดูโครงสร้างไดเรคทอรี
รูปแบบ
/F แสดงชื่อไฟล์ด้วย
ตัวอย่างเช่น
D:>TREE /F
D:>TREE SUB1
คำสั่ง DOS (ต่อ)
7. COPY CON
เป็นคำสั่งในการสร้างแฟ้มข้อมูล (โดยรับข้อมูลจากคีย์บอร์ด แล้วจบด้วย Ctrl+Z ตามด้วย Enter)
รูปแบบ
ตัวอย่างเช่น
D:>COPY CON SUB1test1.txt
พิมพ์ This is test
คำสั่ง DOS (ต่อ)
8. COPY
เป็นคำสั่งในการสำเนาแฟ้มข้อมูล
รูปแบบ


ตัวอย่างคำสั่ง COPY
D:>COPY SUB1test1.txt C:exam1.txt
สั่ง D:>DIR C:exam1.txt

D:>COPY C:exam1.txt C:exam2.txt
สั่ง D:>DIR C:

D:>COPY C:ex???.txt D:SUB1SUB11
สั่ง D:>DIR SUB1SUB11
คำสั่ง DOS (ต่อ)
9. REN
เป็นคำสั่งในการเปลี่ยนชื่อแฟ้มข้อมูล (ไฟล์ยังคงเก็บอยู่ที่เดิม)
รูปแบบ
ตัวอย่างเช่น
D:>REN SUB1test1.txt new.txt
สั่ง D:>DIR SUB1

D:>REN SUB1SUB11*.txt *.bat
สั่ง D:>DIR SUB1SUB11
คำสั่ง DOS (ต่อ)
10. DEL
เป็นคำสั่งในการลบแฟ้มข้อมูล DELย่อมาจาก DELete
รูปแบบ
ตัวอย่างเช่น
D:>DEL C:exam1.txt
สั่ง D:>DIR C:

D:>DEL SUB1SUB11?????.bat
สั่ง D:>DIR SUB1SUB11
คำสั่ง DOS (ต่อ)
11. TYPE
เป็นคำสั่งในการขอดูข้อมูลในไฟล์
รูปแบบ

ตัวอย่างเช่น
D:>TYPE SUB1new.txt

คำสั่ง DOS (ต่อ)
12. DATE
เป็นคำสั่งในการขอดูหรือแก้ไขวันที่ ตามรูปแบบ mm-dd-yy
รูปแบบ

13. TIME
เป็นคำสั่งในการขอดูหรือแก้ไขเวลา ตามรูปแบบ hh-mm[:ss[.xx]]
รูปแบบ

คำสั่ง DOS (ต่อ)
14. VER
เป็นคำสั่งในการขอดูเวอร์ชันของ DOS ที่ใช้
รูปแบบ

15. VOL
เป็นคำสั่งในการขอดูชื่อแผ่น (volume label)
และหมายเลขประจำแผ่นข้อมูล (serial number)
รูปแบบ

คำสั่ง DOS (ต่อ)
16. LABEL
เป็นคำสั่งในการขอดูหรือแก้ไขชื่อแผ่น
รูปแบบ

ตัวอย่างเช่น
D:>LABEL
พิมพ์ diligence

ตัวอย่างDOS
จงทำการสร้างโครงสร้างต่อไปนี้
ตัวอย่างDOS (ต่อ)
1.ให้สร้างfileที่ชื่อTest ใน drive D โดยกำหนดให้มีข้อมูลเป็นดังนี้
LAB204105

คำสั่งที่ใช้ D:>COPY CON test
จบการป้อนข้อมูลด้วยการกด CTRL+Z แล้ว Enter

ตัวอย่างDOS (ต่อ)
2.สร้างdirectory XXX
คำสั่งที่ใช้คือ D:>MD XXX

3.ย้ายการทำงานเข้าสู่ directory XXX
คำสั่งที่ใช้คือ D:>CD XXX


ตัวอย่างDOS (ต่อ)
4.สร้างdirectory YYY
คำสั่งที่ใช้คือ D: XXX >MD YYY

5.ย้ายการทำงานเข้าสู่ directory YYY
คำสั่งที่ใช้คือ D: XXX >CD YYY


ตัวอย่างDOS (ต่อ)
6.สร้างdirectory ZZZ
คำสั่งที่ใช้คือ D: XXXYYY>MD ZZZ

7.ย้ายการทำงานกลับไปยัง root directory
คำสั่งที่ใช้คือ D: XXXYYY>CD


ตัวอย่างDOS (ต่อ)
8. สำเนาไฟล์ Test ไปไว้ใน directory YYY ใช้ชื่อ Test1
คำสั่งที่ใช้คือ D: >COPY Test XXXYYYTest1

9.แสดงโครงสร้างของ directory และ file ที่สร้างขี้นจากคำสั่ง DOS
คำสั่งที่ใช้คือ D: >TREE /F
----------------------------------------------
DOS และการใช้งานคำสั่งทั่วไป (Internal DOS Command)
คำสั่งทั่วๆ ไปของ DOS ที่จำเป็นแก่การติดตั้งระบบปฏิบัติการ รู้จักคำสั่งภายใน และภายนอก ไฟล์ไหนของ DOS ทำหน้าที่ไหน? สามารถใช้คำสั่งเหล่านี้ในการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้
ทำความรู้จักกับ DOS
การเข้าสู่ DOS
รูปแบบคำสั่งพื้นฐานของ DOS
Command line argument และ Switch ต่าง ๆ
การดู Help ของ คำสั่ง DOS
คำสั่งภายใน Command.com
คำสั่ง DIR
คำสั่ง Copy / Copy ไฟล์ , Copy ไฟล์พร้อมเปลี่ยนชื่อ , Copy ออก พอร์ตก็ได้ , copy กับ Console
คำสั่ง Move
คำสั่ง Delete, Del
คำสั่ง Type
คำสั่ง CD การเปลี่ยนตำแหน่ง Directory
คำสั่ง MD, RD , MKDIR, RMDIR
การเปลี่ยนไปทำงานกับ Drive ต่าง ๆ
คำสั่ง Ren, Rename
คำสั่ง DOS ภายนอก และ Software for DOS
วัตถุประสงค์ / คำสั่งภายนอกที่จำเป็นแก่การใช้งานในการติดตั้ง และวิเคราะห์โปรแกรมและ Hardware ทั่วๆ ไป คำสั่งเหล่านี้แยกต่างหากจาก Command.com จึงต้อง Copy ไฟล์เหล่านี้ไว้ก่อนใช้งาน
คำสั่ง DOS ต่าง ๆ เพิ่มเติม
คำสั่ง Deltree / ลบทีละ Directory
และไฟล์ที่จำเป็นต้องใช้ในการ Sys เช่น Sys.com , Command.com
คำสั่ง PATH / ช่วยให้เข้าถึงไฟล์ หรือโปรแกรมได้จากทุกที่
คำสั่ง Ver / ใช้ตรวจสอบ Version ของ DOS
คำสั่ง Type / ใช้แสดงข้อมูลในไฟล์
คำสั่ง Debug / ใช้ในการเปิดดู และแก้ระบบโปรแกรม
โปรแกรม Edit / Editor ตัวเก่งแถมมากับ DOS
โปรแกรม Scandisk / ตรวจซ่อม Disk บน DOS
คำสั่ง Diskcopy / สำหรับ Copy แผ่น Disk แบบแผ่นต่อแผ่น
คำสั่ง Xcopy / ลูกเล่นเหนือกว่า Copy ธรรมดา
คำสั่ง Mode / ปรับความเร็วในการสื่อสารผ่าน Port
คำสั่ง Attrib / สำหรับแก้ Attribute ของไฟล์
การเบรคคำสั่ง DOS ด้วย Ctrl+C
การสร้างแผ่น BOOT ด้วย DOS
สร้างแผ่น Boot ด้วย Windows
สร้างแผ่น Boot โดยการ Copy จากแผ่นอื่น
Boot ของ OS ต่าง ๆ / Boot Dos6.22, 98, ME
Error ชนิดต่าง ๆ จาก DOS
Bad Command or filename
Invalid drive specification
Etc...
การออกไปยัง DOS โดยผ่าน Windows
การหาตัว Install , Setup
หลักการหาไฟล์ Serial, Readme, คู่มืออื่นๆ
การเดา CD-Key
หลักการหาไฟล์ Crack /ความรู้เรื่อง Copy protection, Hardlock, Softlock
ทบทวนการใช้ DOS และประยุกต์ใช้งาน

การใช้ EDIT.COM
โปรแกรมอิดิเตอร์มาตรฐาน
การใช้ Scandisk บน DOS
ใช้ซะก่อนจะเข้า Windows , การ Disable เมื่อ Scandisk ขึ้นทุกครั้ง ที่ Boot เครื่องไม่ยอมหาย
การติดตั้ง ใช้งานโปรแกรม DOS ที่ไม่มีตัวติดตั้ง
เตรียมโฟลเดอร์ และ Copy ไฟล์อย่างไร
--------------------------------------------------------------
ความจำเป็นในการใช้ (Dos) ยังคงมีอยู่ แม้ว่าในปัจจุบันบทบาทของมันจะเริ่มลดลงไปมากหลังจาก Windows เริ่มมีความสมบูรณ์และมีสิ่งอำนวยความสะดวกมาให้ชนิดที่ไม่ต้องพึ่งดอสเลย แต่ถ้าเมื่อไรเครื่องของคุณยังไม่มี Windows หรือเข้าไปใช้งาน Windows ไม่ได้ คำสั่งดอสก็มีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะการใช้คำสั่งดอสจะช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้เช่นการ การซ่อมแซมไฟล์ที่เสีย ก๊อปปี้ไฟล์ข้อมูล แก้ปัญหา Bad Sector ฯลฯ ดังนี้เราควรทราบคำสั่งบางคำสั่งที่จำเป็นไว้บ้างเพื่อนำไปใช้งานในยามฉุก เฉิน
Dos ย่อมาจาก Disk Operating System เป็นระบบปฎิบัติการรุ่นแรก ๆ ซึ่งการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์จะมีการทำงานบนระบบปฎิบัติการดอสเป็นหลัก โดยการทำงานส่วนใหญ่จะเป็นการทำงานโดยการใช้คำสั่งผ่านบรรทัดคำสั่ง (Command Line) ที่นิยมใช้กันคือ MS-Dos ซึ่งต่อมาระบบปฎิบัติการดอสจะถูกซ่อนอยู่ใน Windows ลองมาดูกันว่าคำสั่งไหนบ้างที่เราควรรู้จักวิธีใช้งาน

CD คำสั่งเข้า-ออก ในไดเร็คทอรี่
CD (Change Directory) เป็นคำสั่งที่ใช้ในการเปลี่ยนไดเร็คทอรี่ในโหมดดอส เช่น ถ้าต้องการรัน คำสั่งเกมส์ที่เล่นในโหมดดอส ซึ่งอยู่ในไดเร็คทอรี MBK ก็ต้องเข้าไปในไดเร็คทอรีดังกล่าวเสี่ยก่อนจึงจะรันคำสั่งเปิดโปรแกรมเกมส์ ได้
รูปแบบคำสั่ง
CD [drive :] [path]
CD[..]
เมื่อเข้าไปในไดเร็คทอรีใดก็ตาม แล้วต้องการออกจากไดเร็คทอรีนั้น ก็เพียงใช้คำสั่ง CD เท่านั้นแต่ถ้าเข้าไปในไดเร็คทอรีย่อยหลาย ๆ ไดเร็คทอรี ถ้าต้องการออกมาที่ไดรว์ซึ่งเป็นระดับสูงสุด ให้ใช้คำสั่ง CD เพราะคำสั่ง CD.. จะเป็นการออกจากไดเร็คทอรีได้เพียงลำดับเดียวเท่านั้น
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง


CD
กลับไปที่ Root ระดับสูงสุด เช่น ถ้าเดิมอยู่ที่ C:>docsdata> หลังจากใช้คำสั่งนี้ก็จะย้อนกลับไปที่ C: >

CD..
กลับไปหนึ่งไดเร็คทอรี เช่น ถ้าเดิมอยู่ที่ C:windowscommand> หลังจากนั้น ใช้คำสั่งนี้ก็จะก็จะย้อนกลับไปที่ C:windows>

CHKDSK (CHECK DISK) คำสั่งตรวจเช็คพื้นที่ดิสก์
CHKDSK เป็นคำสั่งที่ใช้ในการตรวจสอบข้อมูลของหน่วยความจำ และการใช้งานดิสก์หรือฮาร์ดดิสก์ การรายงานผลของคำสั่งนี้จะเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ไดเร็คทอรี และ FAT ของดิสก์ หรือไฟล์ เพื่อหาข้อมผิดพลาดของการเก็บบันทึก ถ้า CHKDSK พบว่ามี Lost Cluster จะยังไม่แก้ไขใด ๆ นอกจากจะใช้สวิตซ์ /f กำหนดให้ทำการเปลี่ยน Lost Cluster ให้เป็นไฟล์ที่มีชื่อไฟล์เป็น FILE0000.CHK ถ้าพบมากว่า 1 ไฟล์ อันต่อไปจะเป็น FILE0002.CHK ไปเรื่อย ๆ นอกจากนี้ยังสามารถรายงานปัญหาที่ตรวจพบได้อีก อย่างเช่น จำนวน Bad Sector , Cross-ling Cluster (หมายถึง Cluster ที่มีไฟล์มากกว่าหนึ่งไฟล์แสดงความเป็นเจ้าของ แต่ข้อมูลใน Cluster จะเป็นของไฟล์ได้เพียงไฟล์เดียวเท่านั้น)
รูปแบบคำสั่ง
CHKDSK [drive:][[path]filename] [/F] [/V]
[drive:][path] กำหนดไดรว์ และไดเร็ทอรีที่ต้องการตรวบสอบ
filename ชื่อไฟล์ที่ต้องการให้ตรวจสอบ
/F สั่งให้ Fixes Errors ทันทีที่ตรวจพบ
/V ขณะที่กำลังตรวจสอบ ให้แสดงชื่อไฟล์และตำแหน่งของดิสก์บนหน้าจอด้วย
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง

C:WINDOWS>CHKDSK D: ตรวจสอบข้อมูลการใช้งานดิสก์ในไดรว์ D
C:>CHKDSK C: /F ตรวจสอบ ไดรว์ C พร้อมกับซ่อมแซมถ้าตรวจเจอปัญหา

COPY คำสั่งคัดลอกไฟล์
Copy เป็นคำสั่งที่ใช้ในการคัดลอกไฟล์ จากไดเร็คทอรีหนึ่งไปยังไดเร็คทอรีที่ต้องการ คำสั่งนี้มีประโยชน์มากควรหัดใช้ให้เป็น เพราะสามารถคัดลอกไฟล์ได้ยามที่ Windows มีปัญหา
รูปแบบคำสั่ง
COPY [Source] [Destination]
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง

C:COPY A:README.TXT คัดลอกไฟล์ชื่อ README.TXT จากไดรว์ A ไปยังไดรว์ C
C:COPY README.TXT A: คัดลอกไฟล์ชื่อ README.TXT จากไดรว์ C ไปยังไดรว์ A
C:INFOCOPY A:*.* คัดลอกไฟล์ทั้งหมดในไดรว์ A ไปยังไดเร็คทอรี INFO ในไดรว์ C
A:COPY *.* C:INFO คัดลอกไฟล์ทั้งหมดในไดรว์ A ไปยังไดเร็คทอรี INFO ในไดรว์ C

DIR คำสั่งแสดงไฟล์และไดเร็คทอรีย่อย
เป็นคำสั่งที่ใช้แสดงรายชื่อไฟล์และไดเร็คทอรี คำสั่งนี้ถือเป็นคำสั่งพื้นฐานที่ต้องใช้อยู่เป็นประจำ เพื่อจะได้รู้ว่าในไดรว์หรือไดเร็คทอรีนั้น ๆ มีไฟล์หรือไดเร็คทอรีอะไรอยู่บ้าง
รูปแบบคำสั่ง
DIR /P /W
/P แสดงผลทีละหน้า
/W แสดงในแนวนอนของจอภาพ
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง

C:>DIR ให้แสดงรายชื่อไฟล์ และไดเร็คทอรีทั้งหมดในไดรว์ C
C:>DIR /W ให้แสดงรายชื่อไฟล์ และไดเร็คทอรีทั้งหมดในไดรว์ C ในแนวนอน
C:>INFODIR /P ให้แสดงรายชื่อไฟล์ และไดเร็คทอรีย่อยในไดเร็คทอรี INFO โดยแสดงทีละหน้า
C:>INFODIR *.TEX ให้แสดงรายชื่อไฟล์ทั้งหมดในไดเร็คทอรี INFO เฉพาะที่มีนามสกุล TXT เท่านั้น
C:> DIR BO?.DOC ให้แสดงรายชื่อไฟล์ในไดรว์ C ที่ขึ้นต้นด้วย BO และมีนามสกุล DOC ในตำแหน่ง ? จะเป็นอะไรก็ได้
DEL (DELETE) คำสั่งลบไฟล์
เป็นคำสั่งที่ใช้ในการลบไฟล์ ซึ่งต้องระมัดระวังในการใช้คำสั่งนี้ให้มาก
รูปแบบคำสั่ง
DEL [ชื่อไฟล์ที่ต้องการลบ]
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง

C:>DEL BOS.VSD ลบไฟล์ในไดรว์ C ที่ชื่อ BOS.VSD
C:>PROJECTDEL JOB.XLS ลบไฟล์ชื่อ JOB.XLS ที่อยู่ในไดเร็คทอรี PROJEC ของไดรว์ C
D:>DEL *.TXT ลบทุกไฟล์ที่มีนามสกุล TXT ในไดรว์ D

FDISK ( Fixed Disk)
เป็นไฟล์โปรแกรมที่ใช้ในการจัดการกับพาร์ติชั่นของฮาร์ดิสก์ ใช้ในการสร้าง ลบ กำหนดไดรว์ ที่ทำหน้าที่บูตเครื่อง แสดงรายละเอียดของพาร์ติชันบนฮาร์ดิสก์ จะเห็นว่าเป็นโปรแกรมอีกตัวหนึ่งที่ต้องทำความรู้จักและศึกษาวิธีใช้งาน เพราะสามารถใช้ประโยชน์ในการสร้าง ฮาร์ดดิสก์ให้มีหลาย ๆ ไดรว์ก็ได้
รูปแบบคำสั่ง
FDISK /STATUS
ตัวอย่างการใช้งานโปรแกรม

A:>FDISK เริ่มใช้งานโปรแกรม
A:>FDISK /STATUS แสดงข้อมุลเกี่ยวกับพาร์ติชันบนฮาร์ดดิสก์

FORMAT คำสั่งฟอร์แมตเครื่อง
เป็นคำสั่งใช้จัดรูปแบบของดิสก์ใหม่ คำสั่งนี้ปกติจะใช้หลังการแบ่งพาร์ชันด้วยคำสั่ง FDISK เพื่อให้สามารถใช้งานฮาร์ดดดดิสก์ได้ หรือฝช้ล้างข้อมูลกรณีต้องการเคลียร์ข้อมูลทั้งหมดในฮาร์ดิสก์
รูปแบบคำสั่ง
FORMAT drive: [/switches]
/Q ให้ฟอร์แมตแบบเร็ว ซึ่งจะใช้เวลาน้อยลง (Quick Format)
/S หลังฟอร์แมตแล้วให้คัดลอกไฟล์ระบบลงไปในไดรว์นั้นด้วย เพื่อให้ไดรว์ที่ทำการฟอร์แมตสามารถบูตได้
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง

A:>FORMAT C: /S ฟอร์แมตไดรว์ C แล้วให้คัดลอกไฟล์ระบบลงไปในไดรว์ด้วย
C:>FORMAT A: /Q ฟอร์แมตไดรว์ A แบบ Quick Format

MD คำสั่งสร้างไดเร็คทอรี
MD (Make Directory) เป็นคำสั่งที่ใช้ในการสร้างไดเร็คทอรี คำสั่งนี้จะช่วยให้สามารถสร้างไดเร็คทอรีชื่ออะไรก็ได้ที่เราต้องการ แต่ต้องมีการตั้งชื่อที่อยู่ในกฎเกณฑ์ของ Dos
รูปแบบคำสั่ง
MD [drive:] path
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง

D:> MD TEST สร้างไดเร็คทอรี TEST ขึ้นมาในไดรว์ D
D:>DOCMD TEST สร้างไดเร็คทอรีที่ชื่อ TEST ขึ้นมาภายในไดเร็คทอรี DOC

REN (RENAME) คำสั่งเปลี่ยนชื่อไฟล์
เป็นคำสั่งที่ใช้ในการเปลี่ยนชื่อไฟล์ และส่วนขยาย โดยคำสั่ง REN นี้ไม่สามารถใช้เปลี่ยนชื่อไดเร็คทอรีได้
รูปแบบคำสั่ง
REN [ชื่อไฟล์เดิมล [ชื่อไฟล์ใหม่]
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง

C:REN BOS.DOC ANN.DOC เปลี่ยนชื่อไฟล์ BOS.DOC ในไดรว์ C เป็น ANN.DOC
C:REN C:MAYABOS.DOC PEE.DOC เปลี่ยนชื่อไฟล์ BOS.DOC ในไดเร็คทอรี MAYA ให้เป็น PEE.DOC
C:REN A:*.*TEX *.OLD เปลี่ยนส่วนขยายของไฟล์ชนิด TXT ทุกไฟล์ในไดรว์ A ให้เป็น OLD

SCANDISK
คำสั่ง SCANDISK เป็นคำสั่งตรวจสอบพื่นที่ฮาร์ดดิสก์ สามารถใช้ในการตรวบสอบปัญหาต่าง ๆ ได้ และเมื่อ SCANDISK ตรวจพบปํญหา จะมีทางเลือกให้ 3 ทางคือ FIX IT , Don't Fix IT และ More Info ถ้าไม่เข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นให้เลือก More Info เพื่อขอข้อมูลเพิ่มก่อนตัดสินใจต่อไป
ถ้าเลือก FIX IT จะเป็นการสั่งให้ Scandisk ทำการแก้ไขปัญหาที่พบ ถ้าการซ่อมแซมสำเร็จโปรแกรมจะมีรายงานที่จอภาพให้ทราบ ส่วน Don't Fix IT คือให้ข้ามปัญหาที่พบไปโดยไม่ต้องทำการแก้ไข
รูปแบบคำสั่ง
SCANDISK [Drive:]/AUTOFIX
/AUTOFIX ให้แก้ไขปัญหาโดยอัตโนมัติ
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง

A:>SCANDISK C: ทำการตรวจสอบปัญหาในไดรว์ C
A:>SCANDISK D:/AUTOFIX ทำการตรวจสอบปัญหาในไดรว์ D และแก้ไขอัตโนมัต
Type คำสั่งดูข้อมูลในไฟล์
Type เป็นคำสั่งที่ใช้แสดงเนื้อหาภายในไฟล์บนจอภาพ คำสั่งนี้จะใช้ได้กับไฟล์แบบ Text ส่วนไฟล์โปรแกรมต่าง ๆ จะไม่สามารถอ่านได้
รูปแบบคำสั่ง
TYPE [ชื่อไฟล์ที่ต้องการอ่าน]
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง

C:>Type AUTOEXEC.BAT แสดงเนื้อหาภายในไฟล์ AUTOEXEC.BAT
C:>NORTONTYPE README.TXT แสดงเนื้อหาภายในไฟล์ README.TXT ในไดเร็คทอรี NORTON

XCOPY คำสั่งคัดลอกทั้งไดเร็คทอรีและทั้งหมดในไดเร็คทอรี
XCOPY เป็นคำสั่งที่ใช้ในการคัดลอกไฟล์ได้เหมือนคำสั่ง COPY แต่ทำงานได้เร็วกว่า และสามารถคัดลอก ได้ทั้งไดเร็คทอรีและไดเร็คทอรีย่อย
รูปแบบคำสั่ง
XCOPY [ต้นทาง] [ปลายทาง] /S /E
/E ให้คัดลอกไดเร็คทอรีย่อยทั้งหมดรวมถึงไดเร็คทอรีย่อยที่ว่างเปล่าด้วย
/S ให้คัดลอกไดเร็คทอรีย่อยที่ไม่ว่างเปล่าทั้งหมด
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง

C:>XCOPY BACKUP F: /S /E คัดลอกทุกไฟล์และทุกไดเร็คทอรีย่อย BACKUP ไปไว้ในไดรว์ F
C:>PRINCE>XCOPY *.VSD A: คัดลอกทุกไฟล์ที่มีนามสกุล VSD ในไดเร็คทอรี PRINCE ไปที่ไดรว์ A

ข้อความแจ้งปัญหาในดอส

ในการทำงานบนดอสบางครั้งก็เกิดปัญหาได้บ่อย ๆ เหมือนกัน ซึ่งการเกิดปัญหาแต่ละครั้งก็จะมีข้อความแจ้งให้ทราบว่าปัญหาที่เกิดขึ้น นั้น มีสาเหตุจากอะไร ต่อไปนี้เป็นข้อความแจ้งปัญหาที่มักพบได้บ่อย ๆ มีดังนี้
Abort, Retry, Fail ?
จะพบได้ในการณีที่ไดรว์ไม่มีแผ่นดิสก์อยุ่แล้วเรียกใช้ข้อมูลจากไดรว์นั้น การแก้ไขก็นำแผ่นดิสก์ที่ต้องการใช้มาใส่เข้าไป

กดปุ่ม < R > (Retry) : การทำงานจะทำต่อจากงานที่ค้างอยู่ก่อนเกิดความผิดพลาด
กดปุ่ม < A > (Abort) : รอรับคำสั่งจะไปอยู่ในไดรว์ที่สั่งงานล่าสุด
กดปุ่ม < F > (Fail) : เมื่อต้องการยกเลิกการทำงาน และเปลี่ยนไดรว์ใหม่

Bad Command or file name : ใช้คำสั่งผิดหรือไฟล์ที่เรียกใช้งานนั้นไม่สามารถเรียกใช้ได้ การแก้ไข ตรวจสอบบรรทัดคำสั่งว่าถูกต้องหรือไม่ เช่น พิมพ์คำสั่งหรือชื่อไฟล์ถูกต้องหรือไม่ แล้วลองรันคำสั่งดูใหม่อีกครั้ง อาจเกี่ยวข้องกับเวอร์ชันของดอสไม่มีคำสั่งนั้นก็ได้

File not found : ไม่สามารถหาไฟล์นั้นพบ อาจไม่มีไฟล์นั้น หรืออาจพิมพ์ชื่อไฟล์นั้นนผิดจากที่ต้องการ นอกจากนี้อาจเกิดจากพาธ (Path) ที่สั่งงานไม่มีไฟล์นั้น

Insufficient memory หรือ Out of memory Insufficient memory : หน่วยความจำไม่พอต่อความต้องการของโปรแกรม

Out of memory : โปรแกรมเริ่มทำงานไปแล้วบางส่วนแล้วหน่วยความจำไม่พอ ระบบจึงต้องแจ้งให้ผู้ใช้ทราบ

Directory already exits : เกิดขึ้นเมื่อสร้างไดเร็คทอรีแล้วไปซ้ำกับซื่อที่มีอยู่แล้วในพาธเดียวกัน

Duplicate file ot file not found : ถ้าเปลี่ยนชื่อไฟล์ไปซ้ำกับชื่อที่มีอยู่จะทำไม่ได้และจะแจ้งเตือนดังข้อความดังกล่า


InSufficient Disk space : ข้อความนี้จะเกิดขึ้นเมื่อดิสก์ไม่เพียงพอต่อการเก็บข้อมูล วิธีแก้ ลองใช้ดิสก์อื่นหรือลบไฟล์ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ออก
--------------------------------------------------------------------------------
ความจำเป็นในการใช้ (Dos) ยังคงมีอยู่ แม้ว่าในปัจจุบันบทบาทของมันจะเริ่มลดลงไปมากหลังจาก Windows เริ่มมีความสมบูรณ์และมีสิ่งอำนวยความสะดวกมาให้ชนิดที่ไม่ต้องพึ่งดอสเลย แต่ถ้าเมื่อไรเครื่องของคุณยังไม่มี Windows หรือเข้าไปใช้งาน Windows ไม่ได้ คำสั่งดอสก็มีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะการใช้คำสั่งดอสจะช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้เช่นการ การซ่อมแซมไฟล์ที่เสีย ก๊อปxxxไฟล์ข้อมูล แก้ปัญหา Bad Sector ฯลฯ ดังนี้เราควรทราบคำสั่งบางคำสั่งที่จำเป็นไว้บ้างเพื่อนำไปใช้งานในยามฉุก เฉิน
Dos ย่อมาจาก Disk Operating System เป็นระบบปฎิบัติการรุ่นแรก ๆ ซึ่งการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์จะมีการทำงานบนระบบปฎิบัติการดอสเป็นหลัก โดยการทำงานส่วนใหญ่จะเป็นการทำงานโดยการใช้คำสั่งผ่านบรรทัดคำสั่ง (Command Line) ที่นิยมใช้กันคือ MS-Dos ซึ่งต่อมาระบบปฎิบัติการดอสจะถูกซ่อนอยู่ใน Windows ลองมาดูกันว่าคำสั่งไหนบ้างที่เราควรรู้จักวิธีใช้งาน

CD คำสั่งเข้า-ออก ในไดเร็คทอรี่
CD (Change Directory) เป็นคำสั่งที่ใช้ในการเปลี่ยนไดเร็คทอรี่ในโหมดดอส เช่น ถ้าต้องการรัน คำสั่งเกมส์ที่เล่นในโหมดดอส ซึ่งอยู่ในไดเร็คทอรี MBK ก็ต้องเข้าไปในไดเร็คทอรีดังกล่าวเสี่ยก่อนจึงจะรันคำสั่งเปิดโปรแกรมเกมส์ ได้
รูปแบบคำสั่ง
CD [drive :] [path]
CD[..]
เมื่อเข้าไปในไดเร็คทอรีใดก็ตาม แล้วต้องการออกจากไดเร็คทอรีนั้น ก็เพียงใช้คำสั่ง CD เท่านั้นแต่ถ้าเข้าไปในไดเร็คทอรีย่อยหลาย ๆ ไดเร็คทอรี ถ้าต้องการออกมาที่ไดรว์ซึ่งเป็นระดับสูงสุด ให้ใช้คำสั่ง CD เพราะคำสั่ง CD.. จะเป็นการออกจากไดเร็คทอรีได้เพียงลำดับเดียวเท่านั้น
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง

CD กลับไปที่ Root ระดับสูงสุด เช่น ถ้าเดิมอยู่ที่ C:>docsdata> หลังจากใช้คำสั่งนี้ก็จะย้อนกลับไปที่ C: >
CD.. กลับไปหนึ่งไดเร็คทอรี เช่น ถ้าเดิมอยู่ที่ C:windowscommand> หลังจากนั้น ใช้คำสั่งนี้ก็จะก็จะย้อนกลับไปที่ C:windows>


CHKDSK (CHECK DISK) คำสั่งตรวจเช็คพื้นที่ดิสก์
CHKDSK เป็นคำสั่งที่ใช้ในการตรวจสอบข้อมูลของหน่วยความจำ และการใช้งานดิสก์หรือฮาร์ดดิสก์ การรายงานผลของคำสั่งนี้จะเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ไดเร็คทอรี และ FAT ของดิสก์ หรือไฟล์ เพื่อหาข้อมผิดพลาดของการเก็บบันทึก ถ้า CHKDSK พบว่ามี Lost Cluster จะยังไม่แก้ไขใด ๆ นอกจากจะใช้สวิตซ์ /f กำหนดให้ทำการเปลี่ยน Lost Cluster ให้เป็นไฟล์ที่มีชื่อไฟล์เป็น FILE0000.CHK ถ้าพบมากว่า 1 ไฟล์ อันต่อไปจะเป็น FILE0002.CHK ไปเรื่อย ๆ นอกจากนี้ยังสามารถรายงานปัญหาที่ตรวจพบได้อีก อย่างเช่น จำนวน Bad Sector , Cross-ling Cluster (หมายถึง Cluster ที่มีไฟล์มากกว่าหนึ่งไฟล์แสดงความเป็นเจ้าของ แต่ข้อมูลใน Cluster จะเป็นของไฟล์ได้เพียงไฟล์เดียวเท่านั้น)
รูปแบบคำสั่ง
CHKDSK [drive:][[path]filename] [/F] [/V]
[drive:][path] กำหนดไดรว์ และไดเร็ทอรีที่ต้องการตรวบสอบ
filename ชื่อไฟล์ที่ต้องการให้ตรวจสอบ
/F สั่งให้ Fixes Errors ทันทีที่ตรวจพบ
/V ขณะที่กำลังตรวจสอบ ให้แสดงชื่อไฟล์และตำแหน่งของดิสก์บนหน้าจอด้วย
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง

C:WINDOWS>CHKDSK D: ตรวจสอบข้อมูลการใช้งานดิสก์ในไดรว์ D
C:>CHKDSK C: /F ตรวจสอบ ไดรว์ C พร้อมกับซ่อมแซมถ้าตรวจเจอปัญหา


COPY คำสั่งคัดลอกไฟล์
Copy เป็นคำสั่งที่ใช้ในการคัดลอกไฟล์ จากไดเร็คทอรีหนึ่งไปยังไดเร็คทอรีที่ต้องการ คำสั่งนี้มีประโยชน์มากควรหัดใช้ให้เป็น เพราะสามารถคัดลอกไฟล์ได้ยามที่ Windows มีปัญหา
รูปแบบคำสั่ง
COPY [Source] [Destination]
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง

C:COPY A:README.TXT คัดลอกไฟล์ชื่อ README.TXT จากไดรว์ A ไปยังไดรว์ C
C:COPY README.TXT A: คัดลอกไฟล์ชื่อ README.TXT จากไดรว์ C ไปยังไดรว์ A
C:INFOCOPY A:*.* คัดลอกไฟล์ทั้งหมดในไดรว์ A ไปยังไดเร็คทอรี INFO ในไดรว์ C
A:COPY *.* C:INFO คัดลอกไฟล์ทั้งหมดในไดรว์ A ไปยังไดเร็คทอรี INFO ในไดรว์ C


DIR คำสั่งแสดงไฟล์และไดเร็คทอรีย่อย
เป็นคำสั่งที่ใช้แสดงรายชื่อไฟล์และไดเร็คทอรี คำสั่งนี้ถือเป็นคำสั่งพื้นฐานที่ต้องใช้อยู่เป็นประจำ เพื่อจะได้รู้ว่าในไดรว์หรือไดเร็คทอรีนั้น ๆ มีไฟล์หรือไดเร็คทอรีอะไรอยู่บ้าง
รูปแบบคำสั่ง
DIR /P /W
/P แสดงผลทีละหน้า
/W แสดงในแนวนอนของจอภาพ
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง
C:>DIR ให้แสดงรายชื่อไฟล์ และไดเร็คทอรีทั้งหมดในไดรว์ C
C:>DIR /W ให้แสดงรายชื่อไฟล์ และไดเร็คทอรีทั้งหมดในไดรว์ C ในแนวนอน
C:>INFODIR /P ให้แสดงรายชื่อไฟล์ และไดเร็คทอรีย่อยในไดเร็คทอรี INFO โดยแสดงทีละหน้า
C:>INFODIR *.TEX ให้แสดงรายชื่อไฟล์ทั้งหมดในไดเร็คทอรี INFO เฉพาะที่มีนามสกุล TXT เท่านั้น
C:> DIR BO?.DOC ให้แสดงรายชื่อไฟล์ในไดรว์ C ที่ขึ้นต้นด้วย BO และมีนามสกุล DOC ในตำแหน่ง ? จะเป็นอะไรก็ได้


DEL (DELETE) คำสั่งลบไฟล์
เป็นคำสั่งที่ใช้ในการลบไฟล์ ซึ่งต้องระมัดระวังในการใช้คำสั่งนี้ให้มาก
รูปแบบคำสั่ง
DEL [ชื่อไฟล์ที่ต้องการลบ]
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง
C:>DEL BOS.VSD ลบไฟล์ในไดรว์ C ที่ชื่อ BOS.VSD
C:>PROJECTDEL JOB.XLS ลบไฟล์ชื่อ JOB.XLS ที่อยู่ในไดเร็คทอรี PROJEC ของไดรว์ C
D:>DEL *.TXT ลบทุกไฟล์ที่มีนามสกุล TXT ในไดรว์ D


FDISK ( Fixed Disk)
เป็นไฟล์โปรแกรมที่ใช้ในการจัดการกับพาร์ติชั่นของฮาร์ดิสก์ ใช้ในการสร้าง ลบ กำหนดไดรว์ ที่ทำหน้าที่บูตเครื่อง แสดงรายละเอียดของพาร์ติชันบนฮาร์ดิสก์ จะเห็นว่าเป็นโปรแกรมอีกตัว หนึ่งที่ต้องทำความรู้จักและศึกษาวิธีใช้งาน เพราะสามารถใช้ประโยชน์ในการสร้าง ฮาร์ดดิสก์ให้มีหลาย ๆ ไดรว์ก็ได้
รูปแบบคำสั่ง
FDISK /STATUS
ตัวอย่างการใช้งานโปรแกรม
A:>FDISK เริ่มใช้งานโปรแกรม
A:>FDISK /STATUS แสดงข้อมุลเกี่ยวกับพาร์ติชันบนฮาร์ดดิสก์


FORMAT คำสั่งฟอร์แมตเครื่อง
เป็นคำสั่งใช้จัดรูปแบบของดิสก์ใหม่ คำสั่งนี้ปกติจะใช้หลังการแบ่งพาร์ชันด้วยคำสั่ง FDISK เพื่อให้สามารถใช้งานฮาร์ดดดดิสก์ได้ หรือฝช้ล้างข้อมูลกรณีต้องการเคลียร์ข้อมูลทั้งหมดในฮา ร์ดิสก์
รูปแบบคำสั่ง
FORMAT drive: [/switches]
/Q ให้ฟอร์แมตแบบเร็ว ซึ่งจะใช้เวลาน้อยลง (Quick Format)
/S หลังฟอร์แมตแล้วให้คัดลอกไฟล์ระบบลงไปในไดรว์นั้นด้วย เพื่อให้ไดรว์ที่ทำการฟอร์แมตสามารถบูตได้
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง
A:>FORMAT C: /S ฟอร์แมตไดรว์ C แล้วให้คัดลอกไฟล์ระบบลงไปในไดรว์ด้วย
C:>FORMAT A: /Q ฟอร์แมตไดรว์ A แบบ Quick Format

MD คำสั่งสร้างไดเร็คทอรี
MD (Make Directory) เป็นคำสั่งที่ใช้ในการสร้างไดเร็คทอรี คำสั่งนี้จะช่วยให้สามารถสร้างไดเร็คทอรีชื่ออะไรก็ได้ที่เราต้องการ แต่ต้องมีการตั้งชื่อที่อยู่ในกฎเกณฑ์ของ Dos
รูปแบบคำสั่ง
MD [drive:] path
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง
D:> MD TEST สร้างไดเร็คทอรี TEST ขึ้นมาในไดรว์ D
D:>DOCMD TEST สร้างไดเร็คทอรีที่ชื่อ TEST ขึ้นมาภายในไดเร็คทอรี DOC

REN (RENAME) คำสั่งเปลี่ยนชื่อไฟล์
เป็นคำสั่งที่ใช้ในการเปลี่ยนชื่อไฟล์ และส่วนขยาย โดยคำสั่ง REN นี้ไม่สามารถใช้เปลี่ยนชื่อไดเร็คทอรีได้
รูปแบบคำสั่ง
REN [ชื่อไฟล์เดิมล [ชื่อไฟล์ใหม่]
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง
C:REN BOS.DOC ANN.DOC เปลี่ยนชื่อไฟล์ BOS.DOC ในไดรว์ C เป็น ANN.DOC
C:REN C:MAYABOS.DOC PEE.DOC เปลี่ยนชื่อไฟล์ BOS.DOC ในไดเร็คทอรี MAYA ให้เป็น PEE.DOC
C:REN A:*.*TEX *.OLD เปลี่ยนส่วนขยายของไฟล์ชนิด TXT ทุกไฟล์ในไดรว์ A ให้เป็น OLD

SCANDISK
คำสั่ง SCANDISK เป็นคำสั่งตรวจสอบพื่นที่ฮาร์ดดิสก์ สามารถใช้ในการตรวบสอบปัญหาต่าง ๆ ได้ และเมื่อ SCANDISK ตรวจพบปํญหา จะมีทางเลือกให้ 3 ทางคือ FIX IT , Don't Fix IT และ More Info ถ้าไม่เข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นให้เลือก More Info เพื่อขอข้อมูลเพิ่มก่อนตัดสินใจต่อไป
ถ้าเลือก FIX IT จะเป็นการสั่งให้ Scandisk ทำการแก้ไขปัญหาที่พบ ถ้าการซ่อมแซมสำเร็จโปรแกรมจะมีรายงานที่จอภาพให้ทราบ ส่วน Don't Fix IT คือให้ข้ามปัญหาที่พบไปโดยไม่ต้องทำ การแก้ไข
รูปแบบคำสั่ง
SCANDISK [Drive:]/AUTOFIX
/AUTOFIX ให้แก้ไขปัญหาโดยอัตโนมัติ
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง
A:>SCANDISK C: ทำการตรวจสอบปัญหาในไดรว์ C
A:>SCANDISK D:/AUTOFIX ทำการตรวจสอบปัญหาในไดรว์ D และแก้ไขอัตโนมัติ


Type คำสั่งดูข้อมูลในไฟล์
Type เป็นคำสั่งที่ใช้แสดงเนื้อหาภายในไฟล์บนจอภาพ คำสั่งนี้จะใช้ได้กับไฟล์แบบ Text ส่วนไฟล์โปรแกรมต่าง ๆ จะไม่สามารถอ่านได้
รูปแบบคำสั่ง
TYPE [ชื่อไฟล์ที่ต้องการอ่าน]
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง
C:>Type AUTOEXEC.BAT แสดงเนื้อหาภายในไฟล์ AUTOEXEC.BAT
C:>NORTONTYPE README.TXT แสดงเนื้อหาภายในไฟล์ README.TXT ในไดเร็คทอรี NORTON


XCOPY คำสั่งคัดลอกทั้งไดเร็คทอรีและทั้งหมดในไดเร็คทอรี
XCOPY เป็นคำสั่งที่ใช้ในการคัดลอกไฟล์ได้เหมือนคำสั่ง COPY แต่ทำงานได้เร็วกว่า และสามารถคัดลอก ได้ทั้งไดเร็คทอรีและไดเร็คทอรีย่อย
รูปแบบคำสั่ง
XCOPY [ต้นทาง] [ปลายทาง] /S /E
/E ให้คัดลอกไดเร็คทอรีย่อยทั้งหมดรวมถึงไดเร็คทอรีย่อยที่ว่างเปล่าด้วย
/S ให้คัดลอกไดเร็คทอรีย่อยที่ไม่ว่างเปล่าทั้งหมด
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง
C:>XCOPY BACKUP F: /S /E คัดลอกทุกไฟล์และทุกไดเร็คทอรีย่อย BACKUP ไปไว้ในไดรว์ F
C:>PRINCE>XCOPY *.VSD A: คัดลอกทุกไฟล์ที่มีนามสกุล VSD ในไดเร็คทอรี PRINCE ไปที่ไดรว์ A



ข้อความแจ้งปัญหาในดอส

ในการทำงานบนดอสบางครั้งก็เกิดปัญหาได้บ่อย ๆ เหมือนกัน ซึ่งการเกิดปัญหาแต่ละครั้งก็จะมีข้อความแจ้งให้ทราบว่าปัญหาที่เกิดขึ้น นั้น มีสาเหตุจากอะไร ต่อไปนี้เป็นข้อความแจ้งปัญหาที่มักพบได้บ่อย ๆ มีดังนี้
Abort, Retry, Fail ?
จะพบได้ในการณีที่ไดรว์ไม่มีแผ่นดิสก์อยุ่แล้วเรียกใช้ข้อมูลจากไดรว์นั้น การแก้ไขก็นำแผ่นดิสก์ที่ต้องการใช้มาใส่เข้าไป
กดปุ่ม < R > (Retry) การทำงานจะทำต่อจากงานที่ค้างอยู่ก่อนเกิดความผิดพลาด
กดปุ่ม < A > (Abort) รอรับคำสั่งจะไปอยู่ในไดรว์ที่สั่งงานล่าสุด
กดปุ่ม < F > (Fail) เมื่อต้องการยกเลิกการทำงาน และเปลี่ยนไดรว์ใหม่
Bad Command or file name
ใช้คำสั่งผิดหรือไฟล์ที่เรียกใช้งานนั้นไม่สามารถเรียกใช้ได้ การแก้ไข ตรวจสอบบรรทัดคำสั่งว่าถูกต้องหรือไม่ เช่น พิมพ์คำสั่งหรือชื่อไฟล์ถูกต้องหรือไม่ แล้วลองรันคำสั่งดูใหม่อีกครั้ง อาจเกี่ยวข้องกับเวอร์ชันของดอสไม่มีคำสั่งนั้นก็ได้
File not found
ไม่สามารถหาไฟล์นั้นพบ อาจไม่มีไฟล์นั้น หรืออาจพิมพ์ชื่อไฟล์นั้นนผิดจากที่ต้องการ นอกจากนี้อาจเกิดจากพาธ (Path) ที่สั่งงานไม่มีไฟล์นั้น
Insufficient memory หรือ Out of memory
Insufficient memory หน่วยความจำไม่พอต่อความต้องการของโปรแกรม
Out of memory โปรแกรมเริ่มทำงานไปแล้วบางส่วนแล้วหน่วยความจำไม่พอ ระบบจึงต้องแจ้งให้ผู้ใช้ทราบ
Directory already exits
เกิดขึ้นเมื่อสร้างไดเร็คทอรีแล้วไปซ้ำกับซื่อที่มีอยู่แล้วในพาธเดียวกัน
Duplicate file ot file not found
ถ้าเปลี่ยนชื่อไฟล์ไปซ้ำกับชื่อที่มีอยู่จะทำไม่ได้และจะแจ้งเตือนดังข้อความดังกล่าว
InSufficient Disk space
ข้อความนี้จะเกิดขึ้นเมื่อดิสก์ไม่เพียงพอต่อการเก็บข้อมูล วิธีแก้ ลองใช้ดิสก์อื่นหรือลบไฟล์ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ออก




หลักในการตั้งชื่อไฟล์
1. ประกอบด้วยตัวอักษรไม่เกิน 8 ตัวอักษร
2. ตัวอักษรที่ใช้เป็นชื่อไฟล์ได้คือ A – Z หรือ 0 – 9 และสัญลักษณ์พิเศษอื่น ๆ ยกเว้นสัญลักษณ์
: ‘ . , + = “ < > [ ] / \

3. ห้ามมีช่องว่าง(Blank) ระหว่างชื่อไฟล์

หลักในการตั้งชื่อสกุล
ประกอบด้วยตัวอักษรไม่เกิน 3 ตัว หลักเกณฑ์อย่างอื่นเหมือนกับการตั้งชื่อไฟล์ทุกประการ ชื่อสกุลนี้โดยทั่วไปจะคั่นจากชื่อไฟล์ด้วยจุด เช่น a:filename.exe

วันเสาร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

gpdit.msc

มีดังนี้
นอกจากเราจะจัดการใช้คอมพิวเตอร์ต่าง ๆ ได้ที่ Registry แล้วยังมีโปรแกรม gpedit.msc เป็นโปรแกรมเล็ก ๆ อยู่ในโฟลเดอร์ C:\WINDOWS\System32\gpedit.msc มีขนาด 35 KB ที่ใช้ในการกำหนดการใช้โปรแกรมต่าง ๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร์นั้น ๆ ได้

คุณลองเข้าไปดู แล้ว Double Click ที่ชื่อไฟล์ดังกล่าว...เข้าไป ก็จะได้หน้าต่าง Group Policy จากนั้นคงเกิดคำถามว่า...แล้วมันเป็นโปรแกรมอะไรละ ?

คำตอบก็คือ คลิกไปเมนู Help > About สรุปได้ว่าช่องทางที่จะเข้าไปจัดการอ๊อปเจ็ค ของ Group Policy เป็นข้อกำหนดการใช้งานโปรแกรมต่าง ๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร์ครับ

เรื่องนี้เข้าใจไม่ยาก คุณลองดูตัวอย่างการกำหนดการใช้งานโปรแกรมที่เคยเสนอไว้ คือ
http://www.expert2you.com/view_question2.php?q_id=8246

เรื่องที่อ้างนั้น เป็นการกำหนด"ปิดแถบโปรแกรมทั้งหมด" (All Programs) ไม่ให้ผู้ใช้เครื่องคลิกที่ Start > All Programs แต่ปัญหาของเรากลับไม่ใช้วิธีการตามบทความดังกล่าว ปัญหาอยู่ที่เราจะใช้อะไรได้บ้าง ทำอย่างไรซึ่งตัวโปรแกรม gpedit.msc ก็มีคำอธิบายไว้ที่ Properties โดยคลิกไปที่แท๊ป Explain ดูรูปที่ 3 ครับ แต่มันเป็นภาษาอังกฤษ ก็เลยเป็นเรื่องยากสำหรับคุณและผม แต่ค่อยแกะเอา...ก็คงพอได้

ถึงตอนนี้คุณ ๆ คงพอก้อมแก้มเข้าใจแล้วนะครับ ลองดูทิปที่หยิบยืมมาจาก www.bcoms.net ข้างล่างนี้นะครับ
ซ่อนไอคอน
การติดตั้งหรือการถอดโปรแกรมออกบน Windows XP นั้นเป็นการกระทำผ่านไอคอน Add or Remove Program หากว่าคุณปิดหรือซ่อนไอคอนนี้เอาไว้ ก็จะทำให้ไม่มีใครสามารถติดตั้ง หรือถอดโปรแกรมออกไปจากเครื่องของคุณได้ การทำมีดังวิธีต่อไปนี้
1. คลิก Strat > Run
2. พิมพ์คำสั่ง gpedit.msc
3. คลิกปุ่ม OK จากนั้นจะปรากฎหน้าต่าง Group Polcy ขึ้นมา
4. เข้าไปที่ Administrative Templates\ Control Panel
5. คลิกลงบนโฟลเดอร์ Add/Remove Program
6. ดับเบิ้ลคลิกที่รายการ Add/Remove Program
7. จากนั้นให้คลิกเลือกปุ่ม Option ที่ Enabled
8. คลิกปุ่ม Apply แล้วคลิกปุ่ม OK เพื่อยืนยันสั่ง

ปิด My Computer

My Computer จะแสดงให้ให้ไดร์ฟต่าง ๆ ที่มีอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ และสามารถเข้าไปเปิดใช้ข้อมูลในไดร์ฟต่าง ๆ เหล่านั้นได้ ถือว่าเป็นเครื่องมือหลักที่มีความสำคัญมากทีเดียว ในกรณีที่คุณใช้เครื่องหลายคน คุณอาจจะปิด My Computer นี้ไว้เป็นครั้งคราวเพื่อความปลอดภัย วิธีการทำมีดังต่อไปนี้
1. คลิก Strat > Run
2. พิมพ์คำสั่ง gpedit.msc
3. คลิกปุ่ม OK จากนั้นจะปรากฎหน้าต่าง Group Polcy ขึ้นมา
4. เข้าไปที่ Administrative Templates
5. คลิกลงบนโฟลเดอร์ Desktop
6. ดับเบิ้ลคลิกที่รายการ Remove My computer icon on the desktop
7. . จะปรากฎไดอะล๊อกบ๊อกซ์ Remove My computer icon on the desktop Properties ให้คลิกที่ Option Enabled
8. คลิกปุ่ม Apply แล้วคลิกปุ่ม OK เพื่อยืนยันสั่ง
ท่องอินเตอร์เน็ตให้เร็วขึ้น

การใช้งานอินตอร์เน็ตบางครั้งจะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับส่วนประกอบหลายด้านเราก็ พยายามหาหนทางปรับแต่งให้ถูกใจ และถูกเงิน วิธีนี้เป็นอีกวิธีที่ทำให้การท่องอินตอร์เน็ตได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

1. คลิกที่ปุ่ม Start
2. เลือกที่แถบรายการ Run
3. ที่ช่อง Open พิมพ์คำว่า gpedit.msc แล้วคลิก OK
4. จะแสดงหน้าต่างของการปรับแต่ง Group Policy
5. ที่ Computer Configaration เลือกแถบ Administrative Templates
6. หัวข้อ Network เลือกที่ QoS Packet Scheduler
7. มองหน้าต่างด้านขวามือ ให้ดับเบิ้ลคลิกที่ Limit reservable bandwidth
8. จะปรากฎกรอบหน้าต่างใหม่ Limit reservable bandwidth Properties
9. เลือกแถบ Setting คลิกที่ช่อง Enable
10. ในช่อง bandwidth limit (%) : ปรับค่าเป็น 0
11. คลิก OK เพื่อยืนยันการใช้งาน

 สุดท้าย ถ้าผลเป็นอย่างไร กลับมาคุยให้ฟังบ้างนะครับ

สวัสดีครับ แล้วพบกันใหม่









แจ้งลบ แจ้งย้าย แนะนำเพื่อน

การปรับแต่ง registry ของ windows 2

การปรับแต่ง registry ของ windows 2
การปรับแต่งในส่วนต่างๆต่อไปนี้ต้องทำผ่านโปรแกรม Registry Editor เพื่อความรวดเร็วและไม่ต้องเสียเวลา
ในการเขียน script ขึ้นมาเองซึ่งเมื่อเราทำการปรับแต่เสร็จเรียบร้อยแล้วเราสามารถเห็นผลได้ในภายหลังที่เรา
ทำการ restart computer ขึ้นมาใหม่

เนื้อหาการปรับแต่ง

การปรับแต่ง registry เพื่อเพิ่มความเร็ว
การกู้คืนในส่วนที่เสียหายจาก malware
การปรับแ่ต่งส่วนต่างๆใน registry ที่น่าสนใจ



การปรับแต่ง registry เพื่อเพิ่มความเร็ว

HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Explorer\
Advanced

NoNetCrawling ปรับเป็น 1 เพื่อยกเลือกการทำงานของ NetCrawling

NetCrawling เป็นตัวที่จะค้นหา file, folder หรือเครื่องพิมพ์ในเครื่อข่ายโดยอัตโนมัติถ้าเกิว่าเราไม่ได้ใช้งาน
ระบบเครือข่ายมากนักเราก็ปิดการทำงนในส่วนนี้ไปซึ่งจะช่วยเพิ่มความเร็วได้พอสมควร



HKEY_CURRENT_USER\Control Panel\Desktop

MenuShowDelay ปรับเป็น 0 เพื่อทำให้ค่าการหน่วงเวลาใน window เป็น 0 คือไม่มีการหน่วงเวลาใน
การเปิด Menu ต่างๆ (ยิ่งใส่น้อยก็ยิ่งเร็ว)



HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Control\Session Manager\
Memory Management

DisablePagingExecutive ปรับให้เป็น 1 เพื่อให้ wndows ไม่ทำ Paging บน file ที่สำคัญเพื่อลดการ
โยกย้ายข้อมูลเข้าออก



HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Control\Session Manager\
Memory Management\PrefetchParameters

EnablePrefetcher ปรับให้เป็น 4 เพื่อทำให้การ boot เครื่องเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว



HKEY_CURRENT_USER\Control Panel\Desktop

AutoEndTasks ปรับให้เป็น 1 ปิดการทำงานของโปรแกรมต่างๆโโยอัตโนมัติก่อนการ Shutdown



HKEY_CURRENT_USER\Control Panel\Desktop

HungAppTimeout ปรับให้เป็น 1 เพื่อให้ปิดการทำำงานของโปรแกรมที่มีปัญหาทันทีที่ Shutdown



HKEY_CURRENT_USER\Control Panel\Desktop

WaitToKillAppTimeout ปรับให้เป็น 1 เพื่อให้ shutdown ได้โดยไม่ต้องรอปิดค่า service ต่างๆที่
เหลืออยู่



การกู้คืนในส่วนที่เสียหายจาก malware

HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\
Explorer

NoViewOnDrive ตรงส่วนี้เป็นส่วนที่ lock การเข้าไปดู Drive ต่างๆถ้าเราล้างค่าตรงจุดนี้เราก็สามารถเข้าดู
Drive ต่างๆได้เหมือนเดิม (ถ้าจะ lock ก็ต้องใส่ค่าลงไปเช่น Drive A: = 1, C = 4, D=8, E = 16 เป็นต้น)



HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Run

ตัวนี้เป็น key ที่เราสามารถเข้าไปดูว่ามีโปรแกรมอะไรบ้างที่จะ Run ตอนเปิดเครื่องเข้ามาซึ่ง Malware ต่างๆ
นั้นชอบที่จะมาเขียน Key ในส่วนนี้ที่จะทำให้ตัวเองนั้นถูก Run ทุกๆครั้งที่มีการเปิดเครื่อง



HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\
System

DisableTaskmgr ปรับเป็น 0 เพื่อยกเลิกคำสั่งการปิดการทำงานของ Task Manager



HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\
System

DisableRegistryTools ปรับเป็น 1 ถ้าต้องการปิดการทำงานของ Registry Editor และปรับเป็น 0 ถ้าต้อง
การที่จะทำให้ใช้งานได้เหมือนเดิม



HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\
Explorer

NoFind ปรับเป็น 1 ถ้าต้องการซ่อนคำสั่งการค้นหาและปรับเป็น 1 ถ้าต้องการให้เป็นเหมือนเดิม



การปรับแ่ต่งส่วนต่างๆใน registry ที่น่าสนใจ

HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Control\Session Manager\
Memory Managerment

PageFileAtShutdown ปรับเป็น 1 เพื่อให้ Window ลบ Pagefile เมื่อตอนที่เรา Shutdown



HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\
Explorer

ClearRencentDocsOnExit ปรับเป็น 1 เพื่อให้ Window นั้นทำการลบ Rencent Document
ออกไปทุกครั้งที่มีการ Shutdown



HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\
InternetSetting\Cache

Persistent ปรับเป็น 0 เพื่อที่ให้มีการลบ Temporary Internet File ทุกๆครั้งที่ออกจากระบบ



HKEY_USERS\.DEFAULT\Control Panel\Keyboard

InitialKeyboardIndicators แก้เป็น 2 เพื่อให้ keyboard เปิดปุ่ม NumLock ขึ้นมาทำงานเองทุกๆครั้ง
ที่เปิดเครื่อง

โชว์ Background แบบเต็มๆด้วยการซ่อน Desktop
เรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Ssoftware\Microsoft\Windows\CurrentVersion
\Policies\Explorer] คลิกขวา เลือก New >> DWORD Value แล้วตั้งชื่อว่า NoDesktop ให้ Double Click ขึ้นมา แล้วใส่ค่า Value Data เป็น 1 หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก หรือเปลี่ยนค่าเป็น 0 และ Restart เครื่อง

ซ่อนหน้า Background Setting
เรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion
\Policies\System] คลิกขวา เลือก New >> DWORD Value แล้วตั้งชื่อว่า NoDispBackgroundPage ให้ Double Click ขึ้นมา แล้วใส่ค่า Value Data เป็น 1 หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก หรือเปลี่ยนค่าเป็น 0 และ Restart เครื่อง




ซ่อนหน้า Appearance Setting
เรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion
\Policies\System] คลิกขวา เลือก New >> DWORD Value แล้วตั้งชื่อว่า NoDispAppearancePage ให้ Double Click ขึ้นมา แล้วใส่ค่า Value Data เป็น 1 หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก หรือเปลี่ยนค่าเป็น 0 และ Restart เครื่อง

ซ่อนหน้า Display Setting
เรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion
\Policies\System] คลิกขวา เลือก New >> DWORD Value แล้วตั้งชื่อว่า NoDispSettingsPage ให้ Double Click ขึ้นมา แล้วใส่ค่า Value Data เป็น 1 หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก หรือเปลี่ยนค่าเป็น 0 และ Restart เครื่อง

ซ่อนหน้า Screensaver Setting
เรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion
\Policies\System] คลิกขวา เลือก New >> DWORD Value แล้วตั้งชื่อว่า NoDispScrSavPage ให้ Double Click ขึ้นมา แล้วใส่ค่า Value Data เป็น 1 หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก หรือเปลี่ยนค่าเป็น 0 และ Restart เครื่อง

ซ่อน Device Manager
เรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion
\Policies\System] คลิกขวา เลือก New >> DWORD Value แล้วตั้งชื่อว่า NoDevMgrPage ให้ Double Click ขึ้นมา แล้วใส่ค่า Value Data เป็น 1 หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก หรือเปลี่ยนค่าเป็น 0 และ Restart เครื่อง

ซ่อน Drive ไม่ให้คนอื่นเห็น
เรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion
\Policies\Explorer] คลิกขวา เลือก New >> DWORD Value แล้วตั้งชื่อว่า NoDrives ให้ Double Click ขึ้นมา เลือกใส่ค่าแบบ Decimal แล้วใส่ค่า Value Data เป็นค่าตัวเลขตาม Drive ที่ต้องการให้ซ่อนดังนี้



หากต้องการซ่อนหลายไดรว์พร้อมกัน ก็นำค่าของแต่ละไดรว์มาบวกกัน เช่น ต้องการซ่อนไดรว์ A: D: และ F: ก็ใส่ค่าเท่ากับ 41 เป็นต้น หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก และ Restart เครื่อง

ซ่อนไอคอน Network Neighbourhood
เรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion
\Policies\Explorer] คลิกขวา เลือก New >> DWORD Value แล้วตั้งชื่อว่า NoNetHood ให้ Double Click ขึ้นมา แล้วใส่ค่า Value Data เป็น 1 หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก หรือเปลี่ยนค่าเป็น 0 และ Restart เครื่อง

กันไว้ไม่ให้ใครมาเพิ่ม Printer
เรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Ssoftware\Microsoft\Windows\CurrentVersion
\Policies\Explorer] คลิกขวา เลือก New >> DWORD Value แล้วตั้งชื่อว่า NoAddPrinter ให้ Double Click ขึ้นมา แล้วใส่ค่า Value Data เป็น 1 หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก หรือเปลี่ยนค่าเป็น 0 และ Restart เครื่อง

กันไว้ไม่ให้ใครมาลบ Printer
เรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Ssoftware\Microsoft\Windows\CurrentVersion
\Policies\Explorer] คลิกขวา เลือก New >> DWORD Value แล้วตั้งชื่อว่า NoDeletePrinter ให้ Double Click ขึ้นมา แล้วใส่ค่า Value Data เป็น 1 หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก หรือเปลี่ยนค่าเป็น 0 และ Restart เครื่อง

ซ่อน My Pictures ตรง Start Menu
เรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Ssoftware\Microsoft\Windows\CurrentVersion
\Policies\Explorer] คลิกขวา เลือก New >> DWORD Value แล้วตั้งชื่อว่า NoSMMyPictures ให้ Double Click ขึ้นมา แล้วใส่ค่า Value Data เป็น 1 หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก หรือเปลี่ยนค่าเป็น 0 และ Restart เครื่อง

ลบลูกศรที่ Shortcut
เรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CLASSES_ROOT\lnkfile] คลิก Name ที่ชื่อว่า IsShortcut แล้วกดปุ่ม Delete เพื่อลบออกไป หรือ Double Click แล้วใส่ค่าเป็น No

แสดงไฟล์ Operating System ที่ซ่อนอยู่
เรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Ssoftware\Microsoft\Windows\CurrentVersion
\Explorer\Advanced] คลิกขวา เลือก New >> DWORD Value แล้วตั้งชื่อว่า ShowSuperHidden ให้ Double Click ขึ้นมา แล้วใส่ค่า Value Data เป็น 1 หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก หรือเปลี่ยนค่าเป็น 0 และ Restart เครื่อง

สรุป Command Line
คลิกขวาในพื้นที่ว่างๆบน Desktop ของคุณ หรือพื้นที่บริเวณว่างๆตรง Background ของคุณนั่นเอง และเลือกที่ New >> Shortcut ในช่อง Command line: ให้คุณเลือกข้อความจากด้านล่างนี้ไปใส่ตาม Shortcut ที่คุณต้องการจะสร้าง

C:\WINDOWS\RUNDLL32.EXE C:\WINDOWS\SYSTEM\USER.EXE,ExitWindows (สำหรับการสั่ง Shutdown)
C:\WINDOWS\RUNDLL32.EXE C:\WINDOWS\SYSTEM\SHELL32.DLL,SHExitWindowsEx 2 (สำหรับการสั่ง Restart)
C:\WINDOWS\RUNDLL32.EXE C:\WINDOWS\SYSTEM\SHELL32.DLL,SHExitWindowsEx 0 (สำหรับการสั่ง Logoff)

สำหรับ Win Xp
คลิกขาวบน Desktop เลือก New >> Shortcut จากนั้นพิมพ์

shutdown.exe -s -t 00 (สำหรับการสั่ง Shutdown)
shutdown.exe -r -t 00 (สำหรับการสั่ง Restart)
shutdown.exe -l -t 00 (สำหรับการสั่ง Logoff)

Shortcut เดียว เปิดหลายโปรแกรม
ให้เปิด Notepad ขึ้นมาค้างเอาไว้ก่อน ต่อจากนั้นไป Copy ส่วนของ Target ของ Shortcut แต่ละตัวเข้ามาไว้ใน Notepad นี้ โดยวิธีการเข้าไป Copy Target ก็คือ ให้คลิกขวาที่ Shortcut ของโปรแกรมที่ต้องการจะให้มีการเปิด แล้วเลือก Properties และที่หัวข้อ Shortcut ก็จะพบกับส่วนของ Target: ให้ทำการ Copy ข้อความในส่วนนี้มาทั้งหมด

เมื่อ Copy ได้เรียบร้อยแล้ว ให้กด Cancel ไป จากนั้นกลับมาที่ Notepad แล้วทำการวางข้อความ Target ที่ได้ Copy มาเอาไว้ใน Notepad

ข้อควรระวังในจุดนี้ก็คือ
1. เวลานำมาวางใน Notepad ต้องเว้นบรรทัดในแต่ละ Target ด้วย มิเช่นนั้นจะถือว่าผิด
2. ห้ามลบเครื่องหมายฟังหนู (") ออก ให้คุณใส่เอาไว้เช่นนั้น มิเช่นนั้นจะถือว่าผิด

จากนั้นเมื่อเรียบร้อยแล้ว ให้ Save ข้อมูลต่างๆใน Notepad ตัวนี้เป็น Batch File ซึ่งวิธีการ Save เป็น Batch File ก็คือ ให้ Save ไฟล์นี้ให้มีนามสกุลเป็น .bat นั่นเอง โดยจะใช้ชื่อว่าอะไรก็ได้ สำหรับในตัวอย่างนี้ จะ Save เป็นไฟล์ชื่อว่า Test.bat โดยที่ระหว่าง Save ให้กำหนด Save as type: เป็น All Files (*.*) ด้วย มิเช่นนั้นชื่อไฟล์อาจจะมี .txt ต่อท้ายด้วย ก็จะทำให้ผิด และไฟล์ๆนี้สามารถ Save ไว้ที่ Directory ไหนภายในเครื่องก็ได้

วิธีการทำให้สามารถคลิก Mouse ขวาได้ใน Web Site ที่มีการป้องกัน
ซึ่งจะเป็นการปิด Active Scripting ไม่ให้ทำงานนั่นเอง แต่การปิด Active Scripting ควรปิดชั่วคราว ไม่ควรปิดไว้ตลอด เพราะว่าพวก Script ต่างๆในแต่ละ Web Site นั้น บาง Script ก็มีประโยชน์ช่วยอำนวยความสะดวกต่างๆ แต่บาง Script ก็ไม่มีประโยชน์ มีแต่ความน่ารำคาญ เพราะว่าถ้าปิดไม่ให้พวก Script ที่มีประโยชน์ทำงานนั้น มันก็จะกลายเป็นเรื่องไม่ดีไป บางทีอาจจะใช้งานสิ่งต่างๆใน Web Site ของเขาไม่ได้ไปเลยก็มี

วิธีการปิด Active Scripting ทำได้โดยคลิกไปที่เมนู Tools >> Internet Options จากนั้นจะพบกับหน้าต่าง Internet Properties ซึ่งที่หน้าต่างนี้ ให้คลิกเลือกไปที่หัวข้อ Security และคลิกที่ Internet หนึ่งครั้ง และกดปุ่ม Custom Level. คราวนี้จะพบกับหน้าต่าง Security Settings เลื่อนลงมาที่ส่วนของ Scripting >> Active scripting และเลือกให้เป็น Disable แล้วกด OK และตอบ Yes ไปจนเสร็จ จำเป็นที่จะต้องกด Refresh หน้าเว็บนั้นๆด้วย และลองคลิก Mouse ขวาดู ก็จะเห็นว่าคราวนี้สามารถคลิกได้แล้ว

วิธี Download เพลง, หนังที่ปกติจะให้เปิดเล่นแบบ Online
วิธีการโหลดเพลงที่ปกติจะให้เล่นแบบ Online ผ่าน Real Player มาเก็บไว้ที่เครื่องเลยนั้น สามารถทำได้โดย เริ่มต้นให้คลิกขวาตรง Link ใน Web ที่เอาไฟล์สำหรับเปิดเพลงนั้นๆ เลือกไปที่ Save Target As... และรอสักครู่ ต่อจากนั้นก็จะมีหน้าต่าง Save As ปรากฏขึ้นมา ให้ทำการ Save (ในขั้นตอนนี้จะได้ไฟล์ที่ 1 ชื่อ music8569.ram) และเมื่อเรียบร้อยแล้ว ให้ใช้ Notepad เปิดเจ้าไฟล์ๆนี้ขึ้นมาทันที ซึ่งหากไม่มีอะไรผิดพลาด ภายในไฟล์จะต้องเป็น URL ซึ่งอาจจะมีหลายๆ URL ก็เป็นไปได้ (หากภายในไฟล์ไม่มี URL แสดงว่า Link ที่ทำการคลิกขวาในข้อ 1 นั้นยังไม่ได้เป็น Link สุดท้าย) จะเห็นว่าไฟล์ที่ได้ทำการ Save Target As... มาเก็บไว้ที่เครื่องในตอนแรกนั้น มันจะบรรจุ URL จริงๆของไฟล์เพลง และคราวนี้เมื่อทราบ URL จริงๆของไฟล์เพลงนั้นแล้ว ก็สามารถทำการ Download ได้ (จะใช้โปรแกรมช่วยดาวน์โหลดก็ได้)

วิธีการเพิ่มความเร็วให้กับ Start Menu
เรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Control Panel\Desktop] ต่อจากนั้นคลิกขวาที่ Folder ชื่อ Desktop นี้แล้วเลือก New >> String Value และให้เปลี่ยนชื่อเป็น MenuShowDelay เรียบร้อยแล้ว คลิกขวาแล้วเลือก Modify ที่ช่อง Value Data ให้คุณใส่เลข 1 ลงไป จากนั้นกด OK เรียบร้อยแล้ว Restart เครื่องใหม่

วิธีการสร้าง Control Panel ขึ้นมาเป็นของตัวเอง
เปิดหน้าต่าง Control Panel ปกติขึ้นมาค้างไว้ก่อน สร้าง Folder ขึ้นมาใหม่ โดยให้ไปที่ File >> New >> Folder และให้คลิกที่ Folder ที่สร้างขึ้นมาใหม่นี้ให้เปิดออกมา พร้อมกับเอาเจ้าหน้าต่าง Control Panel จริงๆที่เปิดเอาไว้มาวางใกล้ๆ จากนั้นให้ลากเครื่องมือที่ต้องการจากใน Control Panel จริงๆนั้นมาใส่และตอบ Yes ได้เลย ซึ่งตรงนี้อยากได้เครื่องมืออะไรก็สามารถลากเข้ามาได้เลย ซึ่งเครื่องมือต่างๆที่ได้ลากเข้ามานี้ จะมีข้อความนำหน้าชื่อว่า Shortcut to ซึ่งสามารถเปลี่ยนมันเป็นชื่ออะไรก็ได้

วิธีการทำ Start Menu ให้มี List ในแนวนอน
เรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Ssoftware\Microsoft\Windows\CurrentVersion
\Explorer\Advanced] คลิกขวา เลือก New >> String Value แล้วตั้งชื่อว่า StartMenuScrollPrograms ให้ Double Click ขึ้นมาแล้วใส่ค่า Value Data เป็น False หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก

ท่านใดที่กลับมาใช้ Office97 แล้วมีปัญหากับ Access
สำหรับท่านใดที่เคยลง Office 2000 และรู้สึกคุ้นเคยหรืออะไรก็แล้วแต่ ทำให้ต้องการกลับมาติดตั้ง Office 97 แทน ซึ่งการกระทำเช่นนี้ จะทำให้มีปัญหากับโปรแกรม Access 97 แน่นอน (แต่โปรแกรมอื่นๆสามารถใช้ได้ปกติ) คือจะมีข้อความว่า "Microsoft Access ไม่สามารถเริ่มต้นการทำงาน เนื่องจากไม่มีใบอนุญาต (License) สำหรับมันในเครื่องนี้"

วิธีแก้ไขให้ทำดังนี้ คือว่าให้ค้นหาไฟล์ที่ชื่อ hatten.ttf จากเครื่อง ซึ่งปกติไฟล์นี้จะอยู่ที่ C:\WINDOWS\FONTS นั่นเอง จากนั้นลบไฟล์นี้ทิ้ง ต่อจากนั้นให้ทำการติดตั้งโปรแกรม Microsoft Office 97 ซ้ำอีกครั้งหนึ่ง และเพื่อความแน่นอน ก็น่าจะ Restart เครื่องด้วย คราวนี้ก็จะสามารถกลับมาใช้ Access 97 ได้อย่างไม่มีปัญหาแล้ว

วิธีการลงทะเบียนชื่อ ใน IRC อย่างถาวร
ขั้นแรกให้ใช้ Pirch Login และทำการ Connect เข้ามาให้เรียบร้อยก่อน วิธีในการลงทะเบียนคือ ให้พิมพ์คำว่า /msg nickserv register E-Mail แต่ตอนลงทะเบียน คุณต้องใช้ชื่อที่เราต้องการลงทะเบียนก่อน ถ้าเกิดว่ายังเป็น Guest????? อยู่ ก็ให้ทำการเปลี่ยนชื่อก่อน โดยพิมพ์ว่า /nick และตามด้วยชื่อที่ต้องการ

จากในตัวอย่างนี้ ต้องการที่จะลงทะเบียนชื่อ TestRegister เอาไว้ โดยใช้ Password ว่า Test และ E-Mail คือ test@yahoo.com ก็ต้องเปลี่ยนชื่อตัวเองเป็น TestRegister ให้ได้ก่อน แล้วพิมพ์คำว่า /msg nickserv register test@yahoo.com และกด Enter ได้เลย และเมื่อทุกอย่างไม่มีอะไรผิดพลาด จะมีข้อความขึ้นมาว่า [NickServ] : The nickname TestRegister has now been registered to you. นั่นก็หมายความว่า ทำการจองชื่อ TestRegister เอาไว้ได้เรียบร้อยแล้ว

วิธีการต่อไปก็คือให้คุณทำการ Set Kill On โดยให้พิมพ์ว่า /msg nickserv set kill on จากนั้นกดปุ่ม Enter จะมีข้อความขึ้นมาว่า [NickServ] : Nickname Protection has been enabled for the nickname TestRegister ซึ่งก็หมายถึงว่า ชื่อของคุณนั้นถูกทำการ Protection เอาไว้เรียบร้อยแล้ว

วิธีในการยืนยันว่าชื่อเป็นของเรา เมื่อคุณเข้า IRC มาใหม่ หลังจากที่คุณทำการลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว และทำการ Set Kill On แล้วด้วย หากคุณหรือใครๆใช้ชื่อหรือ Nickname ว่า TestRegister เข้า IRC มาในครั้งต่อไป จะมีข้อความขึ้นมาว่า

[NickServ] : This nickname is owned by someone else. Please choose another.
[NickServ] : If this is your nickname, please use /NickServ IDENTIFY
[NickServ] : You have 60 seconds to comply before your nickname is changed.

ก็คือว่า ต้องทำการยืนยันชื่อภายใน 60 seconds โดยพิมพ์ว่า /msg nickserv identify อย่างในตัวอย่างนี้ ก็ต้องพิมพ์คำว่า /msg nickserv identify ก็เพราะว่า Password คือ test นั่นเอง และเมื่อกด Enter ก็จะมีข้อความ [NickServ] : Password accepted for the nick TestRegister

ข้อแตกต่างของการตั้ง Set Kill On กับไม่ได้ Set
ถ้าไม่ได้ Set Kill On ไว้ เมื่อมีคนมาใช้ชื่อเรา เค้าก็จะใช้ชื่อเราได้จนกว่าเราจะมาทำการ Kill ชื่อ โดยการใส่คำสั่ง /ns ghost แต่ถ้าเรา Set Kill On ไว้ คนอื่นที่ใช้ชื่อของเรานั้น จะถูกเปลี่ยนชื่อภายใน 60 วินาที

สำหรับเทคนิคนี้ จะใช้กับ Server irc.webmaster.com ถ้าเป็น Microsoft irc.au.ac.th (server abac) ก็เปลี่ยนคำสั่งนิดหน่อย พิมพ์ว่า /msg nickserv register ไม่ต้องใส่ E-Mail แต่การยืนยันชื่อเหมือนกันกับ irc.webmaster.com เช่นเดิม

การแก้ปัญหาลืม Password ใน WinRoute
วิธีการแก้ไขก็คือ ให้คลิกขวาที่ Icon ของ WinRoute ตรงมุมขวาล่างของหน้าจอ และเลือกไปที่ Stop WinRoute Engine จากนั้นจะเห็นว่า Icon ของ WinRoute จะเปลี่ยนไปเป็นสถานะที่มีเครื่องหมายลบสีแดงทับอยู่ ต่อจากนั้นให้เปิด Regedit และไปที่ [HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Kerio\WinRoute\User\0] ซึ่งเมื่อพบแล้ว ให้ลบคีย์ 0 นี้ทิ้ง จากนั้นให้คลิกที่คีย์ User และไปที่เมนู Registry >> Export Registry File เพื่อทำการ Export เก็บเป็น Registry File เอาไว้

Msconfig

ที่มาที่ไปของเรื่องนี้คือว่าในการทำงานนั้นหลายต่อหลายครั้งที่ผมไปแก้เครื่อง User ซึ่งก็จะมีทั้งเรื่องของไวรัสและตัวผู้ใช้เองลงโปรแกรมอะไรต่ออะไรมากมายซึ่งมีการโหลดขึ้นมาพร้อมๆกับ Windows ซึ่งทุกคนคงเข้าใจดีว่าที่ผมพูดถึงคือ Startup ซึ่งมีทั้งที่เรียกจาก Start => Programs => Startup และโปรแกรมที่มีการเรียกจากใน Registry ซึ่งเราสามารถที่จะดูได้โดยเรียกตัว Msconfig จาก Start => Run พิมพ์ Msconfig แ้ล้ว OK ทาง Tab Startup ด้านขวาสุด เราก็จะเห็นตัวโปรแกรมที่เรียกขึ้นมาพร้อมๆกับ Windows มากมาย ในส่วนนี้ผมคงไม่ลงลึกนะครับ เหมาเอาว่าทุกคนน่าจะรู้จักดีแล้ว
เรามาเข้าปัญหากันเลยดีกว่า ปัญหาก็คือว่าหลายต่อหลายครั้งที่เราไม่ต้องการให้โปรแกรมบางตัวโหลดขึ้นมาในตอนที่เข้า Windows ซึ่งอาจจะเพราะเป็นตัวไวรัส หรือเป็นโปรแกรมที่เราไม่ได้ใช้แล้ว ผมก็ใช้วิธีเหมือนที่ทุกๆคนทำล่ะครับคือไปเอาเครื่องหมายถูกหน้าตัวที่ไม่ต้องการออก เพราะบางตัวมันเป็นซากของไวรัส และบางตัวก็เป็นโปรแกรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทำงานและทำให้เครื่องช้า


ปัญหานี่ก็จะแบ่งเป็น 2 เรื่องครับ เรื่่องแรกก็คือก็คือว่าเมื่อมีแบบนี้หลายๆตัวเข้าถึงแม้ว่าเราจะเอาเครื่องหมายถูกออกแล้วแต่เจ้าชื่อมันก็ยังอยู่เกะกะสายตาทำให้เวลาเข้าไปใน Msconfig แล้วมันตาลายครับ คือมีทั้งตัวที่ยังใช้และตัวที่ไม่ใช้แล้ว และอีกปัญหาหนึ่งคือเมื่อเรามีการเอาเครื่องหมายถูกออกแล้วเมื่อเข้า Windows ครั้งต่อไปเจ้า Windows ก้จะขึ้นหน้าต่างฟ้องขึ้นมาครับว่ามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ซึ่งตรงนี้เราสามารถที่จะติ๊กถูกเพื่อบอกว่าทราบแล้วคราวหน้าไม่ต้องเตือนแล้วนะ แต่สำหรับในการทำงานของผมบางครั้ง User ทำงานค้างอยู่ไม่สามารถที่จะ Boot เครื่องใหม่เพื่อให้มันฟ้องแล้วค่อยติ๊กถูกได้ ครั้นจะทิ้งไว้ให้มันฟ้องหลังจาก User ทำการ Boot เครื่องใหม่เองก็เจอปัญหาบ่อยๆว่า User แจ้งตามหลังมาว่ามีปัญหา Windows ขึ้นหน้าต่างอะไรมาก็ไม่รู้ทุกครั้งที่เข้า Windows เลย(ก็แล้วทำไมไม่ติ๊กถูกล่ะจะได้ไม่ต้องเตือนทุกครั้ง) จึงเป็นที่มาของการศึกษาหาทางแก้ไขเรื่องนี้อย่างจริงจัง และได้พบทางออกที่ดีครับ
หลังจากเกริ่นมาซะยาวมากๆๆ มาเข้าเนื้อๆกันเลยดีกว่า เริ่มจากหน้าจอแรกเลยครับซึ่งเป็นหน้าจอของ Msconfig ที่ผมทำเพื่อยกตัวอย่างให้เห็นว่ามีโปรแกรมที่เราไม่ต้องการอยู่จำนวนหนึ่ง และได้ยกเลิกโดยทำการเอาเครื่องหมายถูกด้านหน้าออกไปแล้ว จะเห็นว่ามันยังอยู่ครับทำให้ดูแล้วเกะกะและอาจจะทำให้ตาลายได้ถ้ามีมากๆ





อย่างที่บอกไว้ข้างต้นครับว่าหลังจากเราเอาเครื่องหมายถูกออกแล้วเมื่อมีการเข้า Windows ครั้งต่อไปก้จะมีหน้าต่างเตือนขึ้นมาว่ามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ซึ่งถ้าเราไม่ต้องการให้มันเตือนซ้ำอีกก็ให้ทำเครื่องหมายถูกตามที่ผมวงไว้ในรูปนะครับ







คราวนี้มาดูการแก้ปัญหากันครับ สำหรับปัญหาแรกที่ชื่อมันยังอยู่รบกวนหัวใจและสายตาถึงแม้ว่าเราจะไม่ต้องการมันแล้ว สำหรับชื่อในส่วนที่เราเอาเครื่องหมายถูกออกไปนั้นมันจะเก็บไว้ใน Registry ซึ่งเราต้องตามไปลบมันในนั้นครับ มันจะได้ไม่มารบกวนสายตาเราอีก ถึงตรงนี้ขอเตือนว่าให้แก้ไขด้วยความระมัดระวังนะครับ เพราะการแก้ไข Registry ที่ผิดพลาดอาจจะทำให้ Windows มีปัญหาได้ครับ สำหรับส่วนของ Registry ที่เราจะต้องเข้าไปจัดการลบทิ้งจะอยู่ใน
HKEY_LOCAL_MACHINESOFTWAREMicrosoftShared ToolsMSConfig ซึ่งจากในรูปจะเห็นว่ามี 2 Key คือ startupfolder และ startupreg ครับ สำหรับข้อแตกต่างของทั้ง 2 Key ก็คือโปรแกรมที่เรียกขึ้นมาจาก Start => Programs => Startup ก็จะเก็บอยู่ใน startupfolder ส่วนโปรแกรมที่มีการเรียกจากใน Registry ก็จะเก็บไว้ใน startupreg ครับ ถ้าเราแตกทั้ง 2 Key ออกมาดูก็จะเห็นว่าล้วนแล้วแต่เป็นชื่อโปรแกรมที่เราเอาเครื่องหมายถูกออกในขั้นตอนแรกนั่นล่ะครับ ซึ่งในการลบนั้นเราสามารถลบทิ้งทั้ง startupfolder และ startupreg ซึ่งผมทำแถบสีฟ้าไว้ได้เลยครับแค่นี้เจ้าชื่อพวกนั้นก็จะหายไปจาก Msconfig แล้วล่ะครับ ลองดูรูปประกอบนะครับ











คราวนี้มาดูปัญหาที่ 2 กันคือถึงแม้ว่าเราจะเอาชื่อมันออกไปแล้วแต่เมื่อเข้า Windows ครั้งต่อไปมันก็จะยังขึ้นหน้าต่างมาฟ้องอีกว่ามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ซึ่งเราจะต้องเสียเวลามานั่งติ๊กถูกแล้ว Ok อีก มาดูวิธีการแก้ให้มันไม่ต้องฟ้องครับ สำหรับเจ้าตัวฟ้องนี้ Windows จะมีการสร้างไว้ใน Registry เช่นกันครับในส่วนของ
HKEY_LOCAL_MACHINESOFTWAREMicrosoftWindowsCurrentVersionRun ซึ่งจะเห็นว่าเป็นที่เดียวกันกับที่ใช้เรียกโปรแกรมขึ้นมาตอนเข้า Windows ซึ่งเราเพิ่งเอาบางตัวออกไปนั่นล่ะครับนั่นล่ะครับ ลองดูที่ด้านขวามือในส่วนของ Name จะเห็นว่ามีตัว Msconfig เพิ่มเข้ามาครับ ถ้าเราไม่ต้องการให้มันเตือนก็ให้ลบบรรทัดที่ว่านี้ทิ้งไปได้เลยครับ เพียงเท่านี้ Windows ของเราก็จะหุบปากเงียบไม่ฟ้องอีกแล้วล่ะครับ ผมก็จะสบายใจไม่ต้องกังวลว่า User จะแจ้งตามหลังไปว่าเครื่องมีปัญหามีหน้าต่างอะไรไม่รู้เด้งขึ้นมาตอนเข้า Windows ครับ






***สำหรับคนที่ไม่อยากเสี่ยงกับการแก้ Registry ผมได้ทำตัว Ultra_Mscon ไว้จัดการในเรื่องนี้ให้ครับ เพราะจะมานั่งแก้ Registry ทีละเครื่องก็จะเป็นการเสียเวลาเลยทำตัวนี้มาเพื่อความสะดวกครับ***